มีเสียงเรียกร้องดังขึ้นมาอีก ครั้ง หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ในระหว่างที่มีพระราชพิธีสำคัญ นั่นก็คือเสียงเรียกร้อง ทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ขอให้ คสช.ปลดล็อกคำสั่ง ให้พรรคทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อดำเนินการตามกติกาใหม่ของกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมีการก่อความวุ่นวาย

ตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ พรรคถูกบังคับให้ต้องดำเนินการหลายอย่าง เพื่อให้เป็นพรรคที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีสิทธิส่งสมาชิกสมัครรับเลือกตั้ง บางเรื่องต้องทำให้เสร็จภายใน 90 วัน บางเรื่องต้องให้เสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันประกาศใช้กฎหมายพรรค คือวันที่ 7 ตุลาคม มีเสียงเตือนว่าบางเรื่องถ้าไม่ทำตามกำหนด อาจถูกยุบพรรค

เชื่อว่าการปลดล็อกให้พรรคทำกิจกรรมการเมือง ไม่น่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงกับต้องยุบพรรค ล็อกสำคัญที่สุดที่จะต้องปลด คือ คำสั่ง คสช. ห้ามชุมนุมการเมืองเกิน 5 คน มิฉะนั้นพรรคจะทำอะไรไม่ได้ แม้แต่การประชุมพรรค รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายปลอบใจว่า คสช. ทราบเรื่องนี้ และยืนยันว่าจะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน คสช. ทราบเรื่องกำหนดเวลา

อันที่จริง เรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่ควรจะต้องให้มีการวิงวอนหรือ ร้องขอ เพราะเป็นของประชาชนอยู่แล้ว ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” รวมทั้งสิทธิและเสรีภาพในการตั้งพรรค และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง การที่ คสช.ยึดอำนาจเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว ในภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ

เมื่อสถานการณ์ชั่วคราวผ่านไป และได้เวลาอันสมควร หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ จึงถึงเวลาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ผ่านการเลือกตั้งคืนสู่ประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรีก็ยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ชั่วคราว ดังคำกล่าวที่ว่า “เมื่อปี 2475 เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมา มีการรัฐประหารหลายครั้งเต็มที วันหน้าเราจะแก้ปัญหาโดยการรัฐประหารไม่ได้แล้ว”

...

หากรัฐบาลต้องการรับฟังความคิดเห็นประชาชน เกี่ยวกับการเมืองของประเทศ อาจรับฟังได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเวทีเสวนา หรือเวทีแสดงความคิดเห็นต่างๆของภาควิชาการและภาคประชาชน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นประชาชน ผ่านการสำรวจของสำนักโพลต่างๆ แต่ต้องเป็นโพลแท้ตามหลักวิชาการ ไม่ใช่โพลชะเลียร์

ที่ผ่านมา การสำรวจของบางสำนักโพลพบว่า คนส่วนใหญ่ชื่นชมผลงานของรัฐบาล ด้านการเอาจริงในการปราบปรามการทุจริต การทำงานเด็ดขาด และการรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่มีการชุมนุมก่อความวุ่นวาย แต่ไม่ชื่นชมด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องประชาชน ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน.