จะเอายังไงกันแน่! “เงิน” กับ “กล่อง”

พลันที่ “เดอะ มิร์เรอร์” เว็บไซต์ชื่อดังแห่งประเทศอังกฤษที่สำรวจความคิดเห็นของบรรดานักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ปรากฏว่ามีการยกให้ “กรุงเทพฯ” เมืองหลวงของไทยเป็นอันดับ 1

เมืองท่องเที่ยวที่เที่ยวได้นาน แต่คุ้มค่าที่สุดของโลกปี 2017

เอาง่ายๆว่าถูกที่สุดและน่าเที่ยวที่สุด แค่ใช้เงินแค่ 13,700บาท ต่อการพำนัก 3 วันเท่านั้น และมีองค์ประกอบพร้อมที่สุดอย่างที่กล่าวกันว่า “เที่ยวสนุก ลุกนั่งสบาย” ทำนองนั้น

ที่ปลื้มอย่างออกหน้าออกตาที่สุดคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ถือเป็นข่าวดีในท่ามกลางข่าวไม่ค่อยจะดีในเรื่องอื่นๆ

อย่างน้อยก็ทำให้มีหน้ามีตาเพราะสังคมโลกยอมรับและเท่ากับว่าเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ อยากมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

มามากเท่าใดก็เป็นหลักประกันถึง “รายได้” ที่จะเพิ่มมากขึ้น

แต่เมื่อมากันมากขึ้นก็อย่าลืมแก้ไขปัญหา ตม. ให้ดีก็แล้วกัน เพราะเป็นหน้าด่านสำคัญที่ต้องทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกดีเมื่อมาสัมผัสครั้งแรก ไม่ใช่กว่าจะเข้าเมืองได้ก็ต้องรอถึง 4-5 ชั่วโมง

จริงๆแล้วเรื่องทำนองนี้ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นมาเลย หลายประเทศเอาแค่ใกล้บ้านเราไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกงนั้นมีการบริหารเรื่องนี้เป็นอย่างดี มีเจ้าหน้าที่จัดคิวและเปิดช่อง ตม.เพิ่มขึ้นเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก

พูดง่ายๆว่า บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จริงแล้วไม่อยากโทษเจ้าหน้าที่ ตม.เพียงฝ่ายเดียว แต่ก็ต้องโทษ ทอท.ด้วย เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ ซึ่งจะต้องร่วมกันบริหารจัดการด้วย

ไม่ใช่รอวันรับโบนัสปลายปี 11–12 เดือนเท่านั้น

...

พูดถึงเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้ที่สำคัญในการพยุงฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเวลานี้ ซึ่งต้องชม ททท. ที่มีความพยายามในการยกระดับและหาทางเพื่อส่งเสริมในรูปแบบต่างๆ อย่างเต็มที่

แต่ที่แปลกใจอยู่อย่างก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้รู้สึกว่านโยบายและทิศทางการบริหารและจัดการท่องเที่ยวถึงได้แปร่งๆชอบกลอยู่

เพราะรองนายกฯเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พยายามที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพื่อจะมีรายได้เข้ารัฐให้มีจำนวนมากขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่รองนายกฯอีกคนหนึ่ง ซึ่งรับผิดชอบการท่องเที่ยวโดยตรงกลับมีมุมมองที่ต่างกันคนละมุมเลยทีเดียว

ได้มีนโยบายไปอีกทางคือไม่ให้ ททท. โชว์ตัวเลขนักท่องเที่ยว ไม่ต้องการรายได้มากมาย แต่ต้องการชื่อเสียงของประเทศให้คนรู้จักวัฒนธรรมมากกว่า “เงิน”

งงกันมั้ยครับ...ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

แทนที่จะโชว์ตัวเลข เพื่อเป็นการโปรโมตให้นานาชาติได้รับรู้ว่าเมืองไทยมีดีอย่างไร ทำไมนักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเที่ยวไทย

ที่สำคัญก็เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก

เพียงแต่เงินที่จะได้มานั้นต้องถูกต้อง ไม่ไปเอารัดเอาเปรียบ ไปโกงเงินเขา เอาของปลอมไปขาย ต้มตุ๋น อย่างที่ร้านค้าบางแห่งกระทำอยู่ จนสื่อประเทศจีนเอาไปแฉถึง ห้ามไม่ให้ซื้อของจากไทย

หรือเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญที่ค่อยๆซาลงไป เพราะรัฐบาลเอาจริง เอาจัง แต่ปรากฏว่าคนในรัฐบาลนี่แหละ...กลับไปหนุนหลังทำนองว่าให้หลับตาข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้ปราบปรามอย่างจริงจัง

พวกทำทัวร์ศูนย์เหรียญ ร้านค้าต้มตุ๋น พวกหนีภาษี ก็เลยได้ใจไม่ยอมหยุด ไม่สนใจใคร ทำธุรกิจกันไปแบบไม่รู้ไม่ชี้รับทรัพย์กันเละ

นี่คือปัญหาอย่างหนึ่งของรัฐบาล คสช.

“สายล่อฟ้า”