“ป้าไพ” นางรำรุ่นใหญ่อ้างถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ชวดเงินก้อนโต 12 ล้านบาท ท้าแม่ค้าลอตเตอรี่ร่วมสาบานต่อหน้าองค์พระธาตุนารายณ์เจงเวงมีเพื่อนนางรำช่วยเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ขณะตกลงซื้อขายลอตเตอรี่กัน ยันแม่ค้ายื่นปากกาให้เขียนชื่อสลักหลังก่อนเก็บคืนใส่กระเป๋าไป โชว์บันทึกข้อมูลในมือถือที่โทร.หาแม่ค้าก่อนหวยออก แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ด้านตำรวจเตรียมเรียกแม่ค้าลอตเตอรี่คู่กรณี รวมทั้งพยาน 4 คน เป็นนางรำที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ

ตำรวจเดินหน้าสอบสวนคดีหวยอลเวง หลังจากนางไพมณี พลราชม อายุ 57 ปี อาชีพค้าขายในเขตเทศบาลนครสกลนคร เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร ว่าได้ตกลงซื้อลอตเตอรี่งวดประจำวันที่ 1 มี.ค.64 หมายเลข 835538 จำนวน 2 ใบ จากนางรัตนา ภูละคร อายุ 58 ปี แม่ค้าลอตเตอรี่ที่นำไปขายในวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ก.พ. แต่ในวันนั้นนางไพมณีเป็นนางรำบวงสรวงงานเทศกาลบุญเดือนสี่ ไม่ได้พกกระเป๋าเงิน เลยเขียนชื่อสลักหลังจองลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบไว้ก่อน ยังไม่ได้จ่ายเงิน ภายหลังทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 12 ล้านบาท ไปทวงถามลอตเตอรี่ที่จองไว้ นางรัตนาอ้างว่าขายให้คนอื่นไปแล้ว จำไม่ได้ว่าขายให้ใคร เนื่องจากนางไพมณีไม่ได้ติดต่อกลับมาหลังจากจองลอตเตอรี่ไว้ ไม่รู้จะเอาจริงหรือไม่ พอใกล้หวยออกมีลอตเตอรี่ที่แผงเหลือเยอะเลยต้องเร่งขายออก

ความคืบหน้าเมื่อช่วงสายวันที่ 8 มี.ค. นางไพมณี หรือป้าไพ พลราชม ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่มีการตกลงซื้อขายลอตเตอรี่ปัญหา บริเวณมุมด้านทิศตะวันตกของมณฑลรอบองค์พระธาตุนารายณ์เจงเวง พร้อมทั้งกราบไหว้องค์พระธาตุขอพรช่วยให้ความจริงปรากฏ ป้าไพเล่าว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ตนกับเพื่อนนางรำนั่งรอเวลารำบวงสรวงตามกำหนดการ 20.00 น. ระหว่างนั้นนางรัตนา ภูละคร หรือป้ารัตน์ นำแผงลอตเตอรี่เข้ามาขายให้บรรดานางรำ มีหลายคนให้ความสนใจเลือกซื้อหาตามชอบใจ มีทั้งที่จ่ายเงินสดและขอเชื่อไว้ก่อน รวมทั้งตนด้วยที่หลังจากเลือกเลขที่ชอบได้แล้วขอเชื่อไว้ก่อน เนื่องจากใส่ชุดนางรำไม่ได้ถือกระเป๋าเงิน นางรัตนาบอกว่าไม่เป็นไรและส่งลอตเตอรี่ให้ตนเขียนชื่อกำกับไว้จะได้จำถูกคนและตามเก็บเงินได้ หลังจากเขียนชื่อกำกับด้านหลังลอตเตอรี่แล้วยื่นคืนให้นางรัตนารับไปเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าที่ถือมา

...

ป้าไพเล่าต่อไปว่า หลังจากวันนั้นแล้วไม่ได้ติดต่อหรือพบเจอกับนางรัตนาอีกเลย เนื่องจากติดภารกิจอื่นและคิดว่านางรัตนาคงจะติดต่อมาเพื่อเก็บเงินค่าลอตเตอรี่ จนกระทั่งวันที่ 1 มี.ค. เป็นวันหวยออก นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จ่ายเงินค่าลอตเตอรี่ โทรศัพท์ไปหานางรัตนาตอนเวลา 15.40 น. มีหลักฐานปรากฏในบันทึกการใช้โทรศัพท์มือถือของตนที่ให้พนักงานสอบสวนดูแล้ว แต่วันนั้นนางรัตนาไม่ได้รับสาย วันต่อมาตนก็ลืมไปเพราะมัวยุ่งกับเรื่องอื่น จนกระทั่งวันที่ 4 มี.ค. มานึกได้อีกครั้งว่านางรัตนายังไม่ได้มาเก็บเงิน โทร.สอบถามอีกครั้ง ได้รับคำตอบว่าลอตเตอรี่ที่ตนจองไว้ขายให้คนอื่นไปแล้ว ทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว อยากให้นางรัตนาพูดความจริง พร้อมท้าให้มาสาบานร่วมกันต่อหน้าองค์พระธาตุนารายณ์เจงเวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวสกลนครเคารพบูชา

นางเพ็ญศรี ไพศาล อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลธาตุนาเวง อ.เมืองสกลนคร หนึ่งในนางรำที่เห็นเหตุการณ์ขณะป้าไพพูดคุยตกลงซื้อขายลอตเตอรี่กับนางรัตนากล่าวว่า พวกตนหลายคนนั่งอยู่ด้วยกันขณะที่นางรัตนานำลอตเตอรี่มาขายให้บรรดานางรำ เห็นทั้งตอนที่ป้าไพรับปากกาจากนางรัตนามาเขียนชื่อกำกับในลอตเตอรี่ทั้งสองใบ ก่อนส่งลอตเตอรี่กลับคืนให้นางรัตนาเป็นคนเก็บไว้ ตนพร้อมจะไปเป็นพยานให้กับป้าไพด้วยความเต็มใจและบริสุทธิ์ใจ

ด้านความคืบหน้าการสอบสวนคดี พ.ต.อ.พุฒินันท์ อำพันธ์ ผกก.สภ.เมืองสกลนคร กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำป้าไพไปแล้ว เตรียมจะเรียกพยานแวดล้อมเข้ามาให้ปากคำต่อ จากคำให้การของป้าไพได้อ้างอิงพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ 4 คน ทั้งหมดเป็นนางรำด้วยกันและอยู่ด้วยกันขณะที่มีการตกลงซื้อขายลอตเตอรี่ที่เกิดปัญหา ส่วนนางรัตนา ภูละคร หรือป้ารัตน์ แม่ค้าลอตเตอรี่คู่กรณี ตำรวจได้ติดต่อขอให้เข้าปากคำแล้ว แต่ยังติดภารกิจขายลอตเตอรี่และนำส่งลอตเตอรี่ส่งให้ลูกค้าอยู่ ยังไม่ยืนยันว่าจะเข้าให้ปากคำได้ตอนไหน อาจเป็นวันที่ 9 มี.ค. ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อนางรัตนา แม่ค้าลอตเตอรี่ แต่ไม่มีคนรับสาย