น้ำท่วม จ.อุบลฯใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ หลังแม่น้ำมูลลดต่อเนื่องเหลือ 11 ซม.จะเท่าตลิ่ง ทำให้หลายพื้นที่น้ำแห้งแล้ว มีเพียงน้ำท่วมขังชุมชนลุ่มต่ำริมน้ำ เจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งเพื่อเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด ขณะที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 จัดมหกรรมคอนเสิร์ตระดมทุนเยียวยาหลังน้ำลด พบอีกหนุ่มกู้ภัยจิตอาสาเมืองกรุงเก่าสังเวยน้ำท่วมอีสาน หลังเกิดติดเชื้อในกระแสเลือดขณะลุยน้ำช่วยผู้ประสบภัย จ.ร้อยเอ็ด นอนซมในโรงพยาบาลกว่า 1 เดือนก่อนสิ้นใจอย่างสงบ
สถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ยังคงมีน้ำท่วมบางพื้นที่ใน 3 อำเภอคือ อ.สว่างวีระวงศ์ อ.วารินชำราบ และ อ.เมืองอุบลราชธานี ส่วนระดับน้ำแม่น้ำมูลที่สถานีวัดระดับน้ำ M7 สะพาน เสรีประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ลดลงไปมากเหลืออีก 11 ซม.จะเท่ากับแนวตลิ่ง
ส่วนใหญ่พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นที่ลุ่มติดริมน้ำ โดยเฉพาะชุมชนฝั่ง อ.วารินชำราบ ทำให้น้ำระบายช้า ล่าสุดเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 จุดที่ชุมชนบ้านกุดชม ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ, ชุมชนท่ากอไผ่ เขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ และวัดเสนาวงศ์ บริเวณชุมชนท่าบ้งมั่ง เทศบาลเมืองวารินชำราบ เพื่อเร่งระบายน้ำ ที่ท่วมขังอีกประมาณ 20 ซม. เพื่อให้ชาวบ้านกลับไป ใช้ชีวิตตามปกติเร็วที่สุด
ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังน้ำลดยังคงมีหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนลงพื้นที่ ไปช่วยฟื้นฟูทำความสะอาดถนนและบ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทหารประจำศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ยังคง ออกปฏิบัติหน้าที่เข้าช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ โดยจัดชุดขนย้ายผู้ป่วย ชุดแพทย์เคลื่อนที่ จัดรถครัวสนามและลาดตระเวนภาคพื้นดินตามศูนย์พักพิงต่างๆ และลงเรือตรวจตราทางน้ำ เพื่อดูแลทรัพย์สินประชาชน ส่วนรายไหนที่กลับเข้าไปอยู่บ้านได้แล้วก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายข้าวของ และซ่อมแซม บ้านที่เสียหาย ขณะเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 ได้จัดมหกรรมคอนเสิร์ต “รวมน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม” บริเวณลานไนท์มาร์เก็ตอุบลสแควร์ อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อระดมทุนช่วยฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี โดยมียอดบริจาค 4,700,000 บาท
...
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์น้ำท่วมอีสานครั้งนี้นอกจากสร้างความเสียหายด้านทรัพย์สินเป็นจำนวนมากแล้ว ยังสร้างความสูญเสียจิตอาสาที่ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพิ่มอีก 1 ราย ทราบชื่อนายอนุ สุขสมอรรถ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 7 ต.สนับ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ตายทำงานเป็น กู้ภัยมูลนิธิพุทไธสวรรย์จุดกิตติ อ.วังน้อย ร่วมกับจิตอาสาทีมกู้ภัยฯไปช่วยผู้ประสบภัย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดต้องนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมานานกว่า 1 เดือน กระทั่งเสียชีวิตเย็นวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ญาตินำศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสหกรณ์ธรรมนิมิต ต.สนับทึบ อ.วังน้อย และมีกำหนดฌาปนกิจเย็นวันที่ 6 ต.ค.นี้
นายพรศักดิ์ เรรุราช หัวชุดกู้ภัยจุดกิตติ อำเภอวังน้อย และมีศักดิ์เป็นอาของนายอนุเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมนายอนุและอาสามูลนิธิพุทไธสวรรย์รวม 15 คน นำเรือ 3 ลำ พร้อม อุปกรณ์ช่วยชีวิต เครื่องปั่นไฟ เครื่องอุปโภคบริโภคยารักษาโรคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังทุกคนลุยน้ำลงพื้นที่ในช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ย. นายอนุหลานชายบ่นว่ารู้สึกเหมือนมีไข้ตัวร้อน หนาวสั่น เลยบอกให้นอนพัก ส่วนเพื่อนอาสาคนอื่นๆออกไปช่วยเหลือชาวบ้านตามปกติ พอกลับมาที่พักพบนายอนุอาการหนักขึ้น ไข้ขึ้นสูงเลยพาไปรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.อุบลราชธานี แล้วย้ายกลับมาโรงพยาบาลวังน้อย แต่อาการไม่ดี ก่อนส่งต่อที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด แพทย์ระบุผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และกำลังขึ้นสมอง พร้อมบอกให้ญาติทำใจ กระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว สร้างความโศกเศร้าให้กับทีมกู้ภัยฯและญาติพี่น้อง โดยเฉพาะพ่อแม่และยายของนายอนุ แต่ครอบครัวรู้สึกภูมิใจที่ผู้ตายทำงานอาสากู้ภัยมาร่วม 10 ปี ได้ช่วยเหลือสังคมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ส่วนที่ศาลาวัดแจ้ง ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ค่ำวันที่ 2 ต.ค. บิณฑ์และเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงฝาแฝดที่ระดมช่วยเงินบริจาคไปแจกให้กับผู้ประสบภัย จ.อุบลราชธานี นำทีมกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูไปเคารพศพนายมนตรี บู่คำ อายุ 63 ปี หรือป๋าแสง ประธานบริหารกิจการประสานงาน อปพร.อุบลราชธานี ผู้ประสานงานชุดเรือช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 1 ในจิตอาสาอีกรายที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา บิณฑ์ได้ให้กำลังใจและมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับครอบครัวผู้ตายด้วย สำหรับศพของนายมนตรีมีกำหนดพระราชทานเพลิงในวันที่ 6 ต.ค.เช่นเดียวกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.45 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากตัวแทนหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้า และสมาคมไทย-เนปาลี แห่งประเทศไทย โดยนายเทวัญกล่าวว่า ประชาชนที่ต้องการบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สามารถบริจาคเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 ได้ตลอดเวลา บัญชีดังกล่าวไม่มีการปิดบัญชี สามารถบริจาคช่วงเวลาใดก็ได้ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้จ่ายช่วยค่าทำศพผู้เสียชีวิตจำนวน 35 ราย เฉลี่ย รายละ 50,000 บาท บวกกับค่าเลี้ยงชีพอีก 30,000 บาท และกรณีหากมีบุตรจะให้อีก 30,000 บาท บางคนอาจได้เงินเยียวยาประมาณ 80,000 บาท บางรายได้ประมาณ 100,000 บาท รวมเงินที่เบิกจ่าย ไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท ที่เหลือต้องรอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานความเสียหายของบ้านเรือนก่อนมาพิจารณาว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะช่วยเหลืออย่างไรบ้าง