“น้องแบม” นิสิตเปิดโปงโกงเงินช่วยเหลือคนจน ยังไม่ขอรับทุนการศึกษา มมส.และไม่ยอมไปร่วมงานรับมอบใบประกาศเกียรติคุณ ทำให้อาจารย์ต้องออกแถลงการณ์เชิดชูเกียรติแทน ชี้สาเหตุต้องการให้ผลการสอบสวนของมหาวิทยาลัยสรุปและแถลงให้สังคมรับทราบก่อน ด้านหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา โร่แจ้งตำรวจหลังมีเฟซบุ๊กโพสต์ข่มขู่ ป.ป.ท. เขต 4 ลุยสอบงาบเงินคนยากไร้และผู้ป่วยเอดส์เมืองหมอแคน ล่าสุด ลงพื้นที่ อ.ชุมแพ เจออีกมีชื่อในเอกสารรับเงินเสียชีวิตแล้ว เลขาฯ ป.ป.ท.แฉมีคนนอกร่วมขบวนการทุจริต
กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบขบวนการทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น หลัง น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือ มมส. ที่มาฝึกงาน ร้องเรียน คสช.มีการปลอมลายเซ็นชาวบ้านรับเงินสงเคราะห์ กระทั่งนายกรัฐมนตรีสั่งย้ายนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดทางให้สอบสวนศูนย์อื่นๆ ทั่วประเทศ ขณะที่ มมส.ออกมายกย่องและเตรียมมอบประกาศเกียรติคุณพร้อมเสนอทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาโทให้กับน้องแบม
ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือ มมส. วันที่ 7 มี.ค. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดงานเชิดชูเกียรติพร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา ที่ทำความดีด้วยการเปิดโปงทุจริตเงินคนจนและยังเตรียมมอบช่อดอกไม้ให้กับเพื่อนนิสิตปี 4 อีก 3 คนที่ไปฝึกงานที่เดียวกันในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากการกระทำของน้องแบมถือเป็นผู้มีความกล้าหาญทางจริยธรรมในการเปิดเผยการทุจริตเงินเพื่อผู้ยากไร้ และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนและสังคม โดยอาจารย์ได้ประชาสัมพันธ์ให้นิสิตชั้นปี 1-3 มาร่วมงานด้วย แต่เมื่อถึงกำหนดรับมอบเวลา 12.00 น.ยังไม่เห็น น.ส.ปณิดาและเพื่อนนิสิตอีก 3 คนมาร่วมงานล่วงเลยถึงเวลา 13.00 น.
...
ต่อมาคณาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาออกแถลงการณ์เรื่องดังกล่าวระบุว่าการกระทำของนิสิตไม่เพียงแต่กล้าหาญ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการมีคุณธรรม จริยธรรม และขอยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นแบบอย่างต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง ส่วนประเด็นความขัดแย้งระหว่างนิสิตอาจารย์ภาควิชานั้น ขอสนับ สนุนให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยมหาวิทยาลัยด้วยกระบวนการที่โปร่งใส เป็นธรรมทุกฝ่าย ในเรื่องที่มีกระบวนการประเมินผลตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นิสิตสามารถเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาได้ตามความประสงค์ของนิสิต

ด้าน น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม เปิดเผยถึงสาเหตุที่ไม่ไปร่วมงานรับมอบใบประกาศเกียรติคุณและรับทุนการศึกษาในครั้งนี้ว่า ต้องขอขอบคุณอาจารย์และมหาวิทยาลัยที่จัดงานและมอบประกาศเกียรติคุณและทุนการศึกษาเรียนต่อในระดับปริญญาโท แต่สาเหตุที่ไม่ไปร่วมงาน เพราะยังไม่อยากรับทุนตอนนี้ เนื่องจากต้องการให้ผลการสอบสวนของสภาคณาจารย์ มมส. และสภามหาวิทยาลัยฯ ที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้สรุปผล และออกแถลงการณ์ให้สาธารณชนรับทราบเสียก่อน รวมถึงผลการสอบสวนกรณีอาจารย์ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้
ที่ห้องอินทนิล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บ่ายวันเดียวกัน ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พร้อมนางสายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ชี้แจงกับสื่อมวลชนกรณีสั่งน้องแบมกราบเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ทราบปัญหาการทุจริตในศูนย์ฯ อาจารย์ลงพื้นที่ไปไกล่เกลี่ย โดยไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เมื่อไกล่เกลี่ยเสร็จแล้วก็ถามนิสิตว่ายังต้องการฝึกงานต่อหรือไม่ น้องแบมและเพื่อนจะฝึกงานต่อ และเพื่อให้บรรยากาศการฝึกงานต่อเป็นไปด้วยความราบรื่น จึงให้นิสิตกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่ก็ขอโทษด้วย ตอนนั้นบอกให้กราบขอโทษผู้ใหญ่ ไม่ใช่ให้กราบขอโทษคนโกง
นางสายไหมกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีทุบหลังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา วันนั้นเรียกให้นิสิตเข้ามาพูดคุย น้องแบมได้ถามอาจารย์ว่ามีจดหมายจาก ป.ป.ท.มาถึงคณะแล้วหรือยัง อาจารย์ก็ว่ายังไม่เห็น จึงขอดูจดหมาย แต่น้องแบมไม่ได้เอามา จึงบอกให้ทางหน่วยงานทำหนังสือแจ้งมายังคณะแบบเป็นลาย ลักษณ์อักษร วันนั้นยังไม่มีใครทราบเรื่องราวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเกิดความรู้สึกว่าน้องแบมปิดบังข้อมูลบางอย่าง รู้สึกหมั่นเขี้ยวจึงทุบหลังน้องแบมไป แต่ไม่มีอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพราะหากน้องบาดเจ็บบอบช้ำก็คงต้องไปหาหมอแล้ว ไม่ได้ทำร้ายหรือข่มขู่คุกคาม แต่หลังจากที่เป็นข่าวออกไปทำให้เกิดกระแสโจมตีมาที่ตนและคณะอย่างมาก จึงอยากขอความเป็นธรรมว่าตนถูกละเมิดสิทธิ ถูกข่มขู่คุกคามสารพัด
ส่วนที่ สภ.เขวาใหญ่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นางสายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กในลักษณะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ตลอดจนมีการข่มขู่คุกคามอาจารย์ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และขู่กรีดรถยนต์อาจารย์ในคณะทุกคน ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข จึงขอแจ้งความฐานหมิ่นประมาทก่อให้เกิดความรำคาญ ด้าน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เปลี่ยนขำ ผกก.สภ.เขวาใหญ่ เปิดเผยว่า เรื่องที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กข่มขู่อาจารย์และมีการร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแจ้งความ เพราะยังไม่มีเอกสารยืนยัน จึงให้อาจารย์นำหลักฐานมาเพิ่มเติม
...
วันเดียวกัน นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ป.ป.ท.เขต 4 เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลที่มีรายชื่อตามที่ปรากฏในการเบิกจ่ายในงบประมาณประจำปี 2560 ในพื้นที่ ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ตามแผนงานไต่สวนใน อ.ชุมแพ ที่ปรากฏในเอกสารสำคัญศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น มีเงินสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อเอดส์และครอบครัว จำนวน 152 ราย รายละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 304,000 บาท มีบุคคลตามรายชื่อในเอกสารการเบิกจ่ายเฉพาะพื้นที่ ต.วังหินลาด ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกอสม. เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่อย่างพร้อมเพรียง
“ตามรายชื่อที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวพบบางรายเสียชีวิตแล้ว บางรายเป็นรายชื่อผู้ป่วยจริง จึงสอบสวนตามรายชื่อที่มีบุคคลมาแสดงตัวเท่านั้น การลงพื้นที่ไต่สวนขณะนี้คืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้มีรายได้น้อยที่มีปรากฏตามรายชื่อในการเบิกจ่ายของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่นในงบประมาณปี 2560 รวม 3,200 ราย ใน 22 อำเภอ การไต่สวนจะทำทุกรายให้เสร็จตามกรอบเวลาที่รัฐบาลและคณะอนุกรรมการไต่สวนกำหนด” นายทองสุขกล่าว
ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค กทม. เมื่อเวลา 11.30น. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้ สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจำนวน 37 จังหวัด พบพฤติการณ์เกี่ยวข้องการทุจริต 24 จังหวัด ขณะนี้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเป็นรายจังหวัดแล้ว 2 จังหวัด วันที่ 8 มี.ค.จะตั้งเพิ่มอีก 3 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ หนองคาย และสุราษฎร์ธานี และจะเร่งตรวจสอบทั่วประเทศ 76 แห่งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ จากการลงพื้นที่ได้รับเบาะแสน่าจะมีคนนอกศูนย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ที่ไม่ใช่ข้าราชการ แต่ยังไปไม่ถึงนักการเมืองท้องถิ่น ปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวง พม.ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้พฤติการณ์ของคนนอกศูนย์อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริต มีลักษณะที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ หรือผลักดันให้เกิดการดำเนินการลักษณะทุจริต
...
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เรียกนิสิตที่เปิดเผยเรื่องดังกล่าวไปตำหนิ ป.ป.ท. ตรวจพบหรือไม่ว่ามีอาจารย์เกี่ยวข้องการทุจริต พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่ปรากฏข้อมูลมีอาจารย์มหาวิทยาลัยดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าใครมีข้อมูลขอให้นำมาให้ ป.ป.ท. ถ้าพบการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. จะส่ง ป.ป.ช. ดำเนินการ แต่ข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้ยังไปไม่ถึง นอกจากนี้ ป.ป.ท.ยังได้รับข้อมูลการทุจริตใช้เงินงบประมาณของนิคมสร้างตนเองด้วย
เมื่อเวลา 13.00 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง มีนางเพ็ญจันทร์ อ่อนภิรมย์ รักษาการหัวหน้าสำนักงาน พม. รับหนังสือแทน นายวัชระกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.อนันตพรแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนและประชาชนเป็นกรรมการ ให้รักษาหลักฐาน ใบเสร็จ ใบสำคัญตามศูนย์ต่างๆ อย่าให้ถูกเพลิงไหม้หรือสูญหาย และให้เร่งสอบสวนการทุจริตที่นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จ.อุดรธานี เป็นการนำร่อง หาก พล.อ.อนันตพรไม่ดำเนินการภายใน 7 วัน จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง และจะไปร้องที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป
ที่วัดกลาง บ้านดอนบม หมู่ 6 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น เย็นวันเดียวกัน พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดย พล.ท.ธรากรเปิดเผยกรณี น.ส.ปณิดา นิสิตที่เปิดโปงการทุจริตในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่นและขณะนี้อยู่ในการคุ้มครองพยานของทหารว่ากำชับให้ มทบ.23 และ มทบ.27 ทำหน้าที่คุ้มครองพยานรายชื่อตามการร้องขอของ ป.ป.ท.จนกว่าคดีดังกล่าวจะเสร็จสิ้น ขณะนี้ทราบว่า กอ.รมน.ส่งทหาร 1 นายประจำในทุกพื้นที่ที่ น.ส.ปณิดา ไป โดยเฉพาะที่ จ.มหาสารคาม ส่วนประเด็นการบรรจุน้องแบมเป็นข้าราชการทหารและเจ้าตัวต้องการเป็นทหารรับใช้ชาตินั้น ในประเด็นนี้ต้องดูคุณสมบัติว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และกองทัพบกมีอัตราว่างหรือไม่ เรายินดีที่จะตอบแทน หรือช่วยเหลือน้องแบม เพราะถือเป็นพลเมืองดีต่อชาติบ้านเมือง
...