ร.อ.โร่เข้าพบตำรวจ หลังตก เป็นผู้ต้องสงสัยคดี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ หายตัวไปไม่ทราบชะตากรรม คุมตัวสอบเครียดนานกว่า 4 ชม. พบหลักฐานมัดแน่น หลังการหายตัวมีการโอนเงินจากบัญชี ผอ.สาวไปยังบัญชีตัวเองหลายครั้ง ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนักแต่ยังให้การปฏิเสธ ก่อนที่จะปล่อยตัวไปชั่วคราว ขณะที่ผู้การฯศรีสะเกษ ระดมกำลังเร่งหาตัว ผอ.สาวเพื่อคลี่คลายคดี

การหายตัวไปอย่างลึกลับของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรืออ้อย อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นานนับเดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามีของ น.ส.จุฑาภรณ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายทหารยศ ร.อ.รายหนึ่ง เนื่องจากพบหลักฐานว่ารถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ เป็นรถที่ น.ส.จุฑาภรณ์ขับแล้วหายตัวไป

ต่อมาตำรวจพบข้อมูลเชื่อมโยงนำรถเก๋งไปขายผ่านทางเฟซบุ๊ก มีนายหน้ามาซื้อให้เสี่ยค้ารถมือสองที่ จ.อุบลราชธานี ตำรวจไปตามยึดที่อู่ซ่อมสีนำกลับมาตรวจหาหลักฐานประกอบสำนวนคดี ส่วนเงินในบัญชีของ น.ส.จุฑาภรณ์มีการโอนเข้าบัญชีของนายทหารยศ ร.อ. ล่าสุดตำรวจออกหมายเรียกนายทหารรายนี้อยู่ในสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี คาดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการหายตัวไปของ น.ส.จุฑาภรณ์ ส่วนชนวนเหตุพุ่งประเด็นเรื่องหนี้สินที่นายทหารคนดังกล่าวกู้ยืมจาก น.ส.จุฑาภรณ์ไปแล้วยังไม่ใช้คืน

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ส.ค. พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจส่งหมายเรียกไปถึงทหารยศ ร.อ.ในสังกัดกรมทหารราบที่ 6 แล้ว เป็นผู้ต้องสงสัยอาจจะมีส่วนในการหายตัวไป ตรวจสอบข้อมูลก่อนหน้านี้ น.ส.จุฑาภรณ์สนทนาตกลงเรื่องบางอย่างกับ ร.อ.รายนี้ด้วย ขณะนี้ตรวจสอบจากต้นสังกัดของ ร.อ.ผู้ต้องสงสัยยังมาทำงานอยู่ปกติไม่ได้หลบหนีไปไหน ตำรวจออกหมายเรียกมาให้ปากคำแล้ว ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องในคดีนี้หรือไม่ อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานและหลักฐานต่อไป

...

ส่วนที่ห้องประชุม กก.สส.ภ.จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จ.ศรีสะเกษ นำตัวพยานปากสำคัญคดี น.ส.จุฑาภรณ์ มาสอบปากคำมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป พยานรายนี้เป็นชาวบ้านพักอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี เป็นนายหน้าติดต่อขายรถเก๋งโตโยต้าวีออสให้กับผู้รับซื้อ ขณะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำพยานอยู่นั้น นายทหารยศ ร.อ. ผู้ต้องสงสัยโทรศัพท์ติดต่อกับพยาน สอบถามรายละเอียดเรื่องตำรวจสอบปากคำในประเด็นต่างๆ และยังพูดจาข่มขู่พยานจนเกิดความหวาดกลัว หลังจากสอบปากคำเสร็จตำรวจนำพยานปากสำคัญไปพักอยู่ในเซฟเฮาส์เพื่อความปลอดภัย

ต่อมาเวลา 13.45 น. ทหารพระธรรมนูญจากค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี นำตัว ร.อ.ศุภชัย ภาโส อายุ 29 ปี ผบ.ร้อย อาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้เข้าพบ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ ที่ กก.สส.ภ.จ.ศรีสะเกษ จากนั้นคุมตัวเข้าห้องประชุมสอบสวนนานกว่า 4 ชม. โดยมีตำรวจ ปจ.ยืนคุมอยู่หน้าห้อง

ภายหลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.ต.สุรเดช กล่าวว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำ ร.อ.ศุภชัย ในหลายประเด็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่ น.ส.จุฑาภรณ์ โอนเงินเข้าบัญชี ร.อ.ศุภชัยหลายครั้ง ทั้งยังโทรศัพท์ติดต่อกันมาตลอด รวมทั้งใช้ไลน์และเฟซบุ๊กของ น.ส.จุฑาภรณ์ไปยืมเงินเพื่อนอีกหลายคน ร.อ.ศุภชัยให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินและการหายตัวไป ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาประกอบด้วย กักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์และรับของโจร ปลอมแปลงเอกสารและนำเอกสารของผู้อื่นไป

พล.ต.สุรเดชกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังสอบปากคำเสร็จตำรวจอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวและไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ต้องมารายงานตัวทุก 12 วัน หรือหากพนักงานสอบสวนมีประเด็นข้อสงสัยก็สามารถเรียกตัวมาสอบปากคำได้ทันที หลังจากนั้นทหารพระธรรมนูญคุมตัว ร.อ.ศุภชัยไปควบคุมที่ต้นสังกัดต่อไป ส่วนแนวทางการสืบสวนสั่งการให้ตรวจพื้นที่ต้องสงสัย ระดมกำลังจากหลายหน่วยงานประกอบด้วยตำรวจสืบภ.จ.ศรีสะเกษ สืบสวนภาค 3 และตำรวจกองปราบปราม ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่

ด้านนายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อ อบต.สาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานนับเดือน กล่าวอย่างหมดหวังว่า ขณะนี้ตนนึกไม่ออกว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ลูกต้องหายตัวไปเช่นนี้ เพราะไม่เคยรู้เรื่องการเงิน หรือหนี้สินกู้ยืมเงินก็ไม่เห็นว่าจะมีสัญญาอะไร หลักฐานอะไร ทำให้ไม่อาจพุ่งประเด็นว่ามีเหตุจากตรงนั้น ตนนึกไม่ออกจริงๆ ตอนนี้สุขภาพของตนก็ย่ำแย่ เหนื่อยกายเหนื่อยใจไปหมด กินข้าวไม่ลงเลย