คุมตัวโชเฟอร์รถตู้ทมิฬไปทำแผนเชือดคอฆ่าเศรษฐินีใจบุญ ผู้ต้องหาอ้างขอยืมเงิน 3 แสนบาท ไปเคลียร์หนี้สิน ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ และหนี้พนันออนไลน์ แต่ผู้ตายปฏิเสธ ฟิวส์ขาดปรี่เข้าล็อกคอสังหารสุดเลือดเย็น ก่อนย้อนไปค้นห้องพักคอนโดฯหาสิ่งของมีค่าเพิ่มเติม ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของคนร้ายที่บอกได้เงินสดไปแค่ 2 หมื่นบาท เพราะเหยื่อเพิ่งเบิกเงินจากบัญชี 8 แสนบาท เร่งติดตามทรัพย์สินที่สูญหายส่งคืนญาติ
จากเหตุสะเทือนขวัญ กรณีพบศพ น.ส.ผ่องศรี มธุรณานนท์ อายุ 70 ปี เศรษฐินีใจบุญมีเงินฝากในบัญชีธนาคารกว่า 20 ล้านบาท ถูกฆ่าปาดคอทิ้งศพในป่าริมถนนแม่ออน-แม่ตะไคร้ กม.ที่ 19-20 บ้านสหกรณ์ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจจับนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339/74 หมู่ 7 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ สอบสวนรับสารภาพวันเกิดเหตุ 11 มี.ค.ได้ขับรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮจ 1536 เชียงใหม่ ไปรับผู้ตายออกจากคอนโดฯย่านถนนช้างคลาน อ.เชียงใหม่ พาไปบริจาคสิ่งของให้เด็กๆ ในพื้นที่บ้านแม่กำปอง อ.แม่ออน ขากลับได้สังหารผู้ตายเพื่อชิงทรัพย์แล้วหลบหนีไปกบดานในพื้นที่จ.เชียงราย
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 ก.ค. พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน ผกก.สภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ นำทีมพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน คุมตัวนายนวฤทธิ์ วนิชจินดา โชเฟอร์รถตู้อำมหิตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพริมถนนหมายเลข 1230 สายแม่ออน-แม่ตะไคร้ กม.19-20 ต.สหกรณ์ อ.แม่ออน จุดที่ใช้มีดฆ่าปาดคอ น.ส.ผ่องศรี มธุรณานนท์ เสียชีวิตแล้วลากศพทิ้งป่าข้างทาง ก่อนขับรถตู้กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ไปโจรกรรมตู้เซฟในห้องพักผู้ตายที่คอนโดมิเนียม “ทวินพีค” ถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ และจุดที่เอาตู้เซฟไปโยนทิ้งคลองชลประทาน ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ หลังทำแผนนำตัวกลับมาควบคุมที่ สภ.แม่ออน แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย, พกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯและลักทรัพย์เวลากลางคืน”
...
พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน ผกก.สภ.แม่ออน เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายนวฤทธิ์นานกว่า 4 ชั่วโมง ผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุฆ่านางผ่องศรี จริงและลงมือเพียงคนเดียว แต่ยังให้การวกวนเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายที่ได้ไป นายนวฤทธิ์อ้างสาเหตุเพราะมีปัญหาเรื่องการเงินมีหนี้สินกว่า 8 แสนบาท ทั้งค่ารถ ค่าบ้าน หนี้อื่นๆ รวมถึงชอบเล่นพนันบาคาราออนไลน์ เสียเงินไปเยอะ ประกอบปัญหาโควิด-19 ทำให้อาชีพคนขับรถตู้รับ-ส่งนักท่องเที่ยวไม่มีลูกค้า ไม่มีงานทำ มีแต่หนี้สิน ทุกวันมีคนทวงค่าบ้าน ค่ารถ ทำให้เครียดหนัก ต้องหาเงินมาใช้หนี้โดยเร็วที่สุด
นายนวฤทธิ์ ผู้ต้องหาอ้างว่า วันเกิดเหตุ 11 มี.ค. ช่วงสายขับรถตู้ไปรับ น.ส.ผ่องศรีออกจากคอนโดฯ พาไปทำบุญและเที่ยวชมธรรมชาติที่บ้านแม่กำปอง ระหว่างทางได้เอ่ยปากขอยืมเงิน น.ส.ผ่องศรีที่เป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่นจำนวน 3 แสนบาท เพื่อไปเคลียร์หนี้ เพราะส่วนตัวสนิทกับน.ส.ผ่องศรี รู้จักกันมานานกว่า 5 ปี ขับรถรับ-ส่งพาไปธุระต่างๆ ปรากฏว่านางผ่องศรีปฏิเสธไม่ยอมให้ยืมเงินตามที่เอ่ยปากขอไประหว่างขับรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงเวลา 2 ทุ่มเศษ ได้พยายามอ้อนวอนอีกครั้ง น.ส.ผ่องศรีบอกว่าช่วยได้แค่ 2 หมื่นบาท แม้ผู้ต้องหาจะพูดข่มขู่ แต่ น.ส.ผ่องศรีไม่กลัวและยังโทรศัพท์เรียกคนรู้จักให้ขับรถมารับแทนผู้ต้องหาให้การอ้างต่อว่าด้วยความโมโหเลยขับรถพุ่งเข้าป่าข้างทาง น.ส.ผ่องศรีโกรธเปิดประตูเดินลงจากรถผู้ต้องหาถือมีดปลายแหลมตามลงไป พูดหว่านล้อมขอยืมเงินอีก น.ส.ผ่องศรีไม่คุยด้วย คนร้ายปรี่เข้าล็อกคอแล้วใช้มีดปาดคอลากตัวเข้าป่าข้างทาง จากนั้นใช้มีดจ้วงแทงที่ท้องซ้ำอีกหลายครั้งจน น.ส.ผ่องศรีเสียชีวิตคนร้ายกลับมาขึ้นรถขับไปที่คอนโดฯของผู้ตาย ตั้งใจให้ผ่านกล้องวงจรปิดทำเหมือนว่ากลับมาส่ง น.ส.ผ่องศรีแล้วก่อนแอบขึ้นคอนโดฯไขกุญแจเข้าไปในห้องพักค้นหาของมีค่าแต่ไม่พบ กระทั่งเจอตู้เซฟขนาดเล็ก 1 ใบ ยกตู้เซฟมาขึ้นรถแต่เปิดตู้เซฟไม่ได้เลยนำไปโยนทิ้งน้ำ ส่วนทรัพย์สินติดตัวผู้ตายมีเงินสด 20,000 บาท คนร้ายเอาไปด้วย สิ่งของอื่นโยนทิ้งข้างทาง
พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน ผกก.สภ.แม่ออน กล่าวว่า การให้ปากคำของผู้ต้องหาเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายผู้ต้องหาให้การหลายครั้งไม่เหมือนกัน ตรงนี้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต้องหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงอีกครั้ง เพราะก่อนที่ผู้ตายจะออกไปกับผู้ต้องหาผู้ตายเพิ่งไปเบิกเงินสด 800,000 บาท หลังเกิดเหตุเงินจำนวนนั้นหายไป ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่น เช่น สร้อยทอง แหวนทอง ยังไม่รู้ว่าหายไปไหน ต้องรอให้ญาติผู้ตายมายืนยันให้แน่ชัดตำรวจจะตรวจสอบว่าผู้ต้องหานำเงินไปใช้อะไรโอนให้ใคร มีคนใกล้ชิดของผู้ต้องหาได้รับเงินอะไรบ้างหรือไม่ หากใครเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้ตายจะต้องติดตามเอากลับคืนมาทั้งหมด