หนุ่มคนรู้ใจสาวสักลาย “สายเถื่อน” ยอมเข้ามอบตัว อ้างหึงหวงทะเลาะกัน พลั้งมือบีบคอเหยื่อขาดใจตายในห้องพักอพาร์ตเมนต์เมืองสุพรรณฯ ก่อนใช้ผ้าห่มห่อศพอุ้มยัดท้ายเก๋งแล้วขึ้นไปนอนตามปกติ ผ่านไป 12 ชั่วโมง  ตัดสินใจขับรถข้ามจังหวัดกว่า 321 กม. นำศพมาทิ้งอำพรางในไร่มันฯ จ.ชลบุรี ยัน “ผ้ายันต์ไอ้ไข่” ที่พบไม่ได้ใช้สะกดวิญญาณ แต่บังเอิญติดศพไปด้วยตอนอุ้มไปทิ้ง

คดีพิศวาสฆาตกรรมสะเทือนขวัญ หลังพบศพสาวนิรนามสักคำว่า “สายเถื่อน” และรูปฤาษี ถูกนำมาทิ้งอำพรางในไร่มันสำปะหลัง ริมทางหลวง 331 (สัตหีบ-นครราชสีมา) กม.ที่ 17-18 หมู่ 10 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่อมาทราบชื่อเหยื่อโหดคือ น.ส.จันทร์จิรา หรือส้ม คำแก้ว อายุ 27 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี คนร้ายคาดเป็นนายปรัชญาธรรศ หรือนนท์ สมุททองแดง อายุ 32 ปี หนุ่มคนสนิท สังหารเหยื่อสิ้นใจคาหอพักในตัวเมืองสุพรรณบุรี อุ้มศพยัดท้ายรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ ทะเบียน กบ 5098 สุพรรณบุรี ขับข้ามจังหวัดกว่า 300 กม.มาทิ้งไว้ดังกล่าว ปมเหตุจากหึงหวง

ความคืบหน้าวันที่ 7 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี เค้นปากคำนายปรัชญาธรรศ หรือนนท์ สมุททองแดง คนร้ายที่ฆ่าอำพรางศพ น.ส.ส้ม หลังเข้ามอบตัวตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ระหว่างที่เข้ามอบตัวเมื่อกลางดึก ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อพี่สาวและญาติผู้ตายปรี่เข้าทำร้ายร่างกายนายนนท์ ตำรวจต้องคุ้มกันแน่นหนา นำตัวเข้าห้องสืบสวนสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด

นายนนท์ให้การรับสารภาพอ้างว่า คบหากับผู้ตายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังรู้ว่าผู้ตายแยกทางกับสามีนานแล้ว แต่ยังไม่ได้หย่าขาดกัน คืนวันที่ 29 พ.ย. ช่วง 5 ทุ่มเศษ มีปากเสียงทะเลาะกับผู้ตายเรื่องความหึงหวง ภายในห้องพักหมายเลข 305 ชุมแสงทอง อพาต์เมนต์ ตรงข้ามห้างไทวัสดุ ถนนเส้น 340 อ.เมืองสุพรรณบุรี ระหว่างนั้นพลั้งมือบีบคอ น.ส.ส้มเสียชีวิต ตกใจทำอะไรไม่ถูก นั่งคิด อยู่พักใหญ่ จนตี 1 คืนวันที่ 30 พ.ย. ใช้ผ้าห่มห่อร่าง น.ส.ส้ม อุ้มออกจากห้องพัก นำมายัดท้ายรถเก๋งคันดังกล่าวที่เป็นรถของสามีผู้ตายให้ฝ่ายหญิงนำมาใช้ เสร็จแล้วกลับขึ้นไปนอนที่ห้องพักตามปกติ กระทั่งเวลาบ่ายโมงเศษ ตัดสินใจขับรถเก๋งมุ่งหน้าไป จ.ชลบุรี เพราะพื้นเพตนเป็นคน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปถึงจุดทิ้งศพในเวลา 1 ทุ่มเศษ รวมระยะทาง 312 กม. อุ้มศพลงจากรถไปโยนทิ้งในร่องน้ำ ใช้เศษแผ่นไม้อัด แผ่นพลาสติก ที่เก็บได้บริเวณนั้นมาปิดคลุมศพ เพื่ออำพรางซ่อนเร้นไม่ให้ใครเห็น

...

นายน็อต (นามสมมติ) อายุ 34 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า หลังได้รับการประสานจากตำรวจว่าน้องชายก่อเหตุฆ่าสาวรอยสัก พ่อแม่โทรศัพท์ไปเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว นิสัยน้องชายเป็นคนนิ่งเงียบ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นรู้สึกใจหาย และเสียใจ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นน้องชายทำร้ายผู้หญิง ไม่คิดว่าน้องชายจะกล้าลงมือ ส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิต ตนกับครอบครัวไม่เคยรู้จักมาก่อน เคยเห็นหน้าครั้งเดียวช่วงไปร่วมงานบวชน้องชายใน จ.สุพรรณบุรี

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เดินทางมาที่ สภ.ห้วยใหญ่ ร่วมประชุมสรุปคดี พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 2 จ.ชลบุรี เก็บลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ ภายในรถเก๋งที่ใช้ขนศพไปทิ้งยังจุดเกิดเหตุ ส่วนคดีของนายจีระพันธ์ หรืออาร์ม จันทรส อายุ 33 ปี โชเฟอร์รถบรรทุก ชาว จ.น่าน ที่ผูกคอตายใต้ต้นไม้ห่างจุดพบศพสาวนิรนามราว 1 กม. ต้องรอผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์ และการสอบสวนประจักษ์พยาน หากญาติยังติดใจสงสัยสาเหตุการตาย ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ต้องไปทำเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่างชัดเจน

“คดีนี้ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวจนญาติผู้ตายเข้ามาแจ้งเบาะแส เป็นที่มาของการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้รวดเร็ว ส่วนปมเหตุมาจากเรื่องหึงหวง ด้านคดี ยืนยันว่า สภ.ห้วยใหญ่ เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ต้องโอนย้ายส่งมอบให้ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ท้องที่เกิดเหตุ ได้กำชับให้ทำสำนวนคดี รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อส่งอัยการในการฟ้องศาล เบื้องต้นตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ” ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กล่าว

ช่วงบ่าย ตำรวจคุมตัวนายปรัชญาธรรศ หรือนนท์ ออกจากห้องขัง สภ.ห้วยใหญ่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 2 จ.ชลบุรี เก็บรอยนิ้วมือและนำตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.วัดญาณสังวรารามฯ เนื่องจาก พบรอยเล็บข่วนที่ต้นแขนทั้ง 2 ข้าง ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อนลงมือสังหารได้ต่อสู้กับผู้ตายจนเกิดร่องรอยบาดแผล รอยขีดข่วน ทำให้ตนโมโหพลั้งมือบีบคอผู้ตายด้วยมือขวาเพียงข้างเดียว ส่วนเรื่องผ้ายันต์ไอ้ไข่ วัดสิชล จ.นครศรีธรรมราช ไม่ใช่การสะกดวิญญาณ แต่เป็นความบังเอิญ ระหว่างยกศพ ออกจากท้ายรถเก๋ง ผ้ายันต์ผืนดังกล่าวที่วางอยู่ท้ายรถได้ติดกับผ้าห่มมาด้วย จากนั้นตำรวจคุมตัวนายนนท์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดทิ้งศพ ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุสังหาร และอยากพูดอะไรถึงครอบครัวผู้ตายหรือไม่ นายนนท์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ และไม่ยอมตอบคำถามใดๆอีก

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่