เหตุ “ผู้ต้องขัง” คดียาเสพติด 3 ราย ฉวยโอกาสจังหวะระหว่างเจ้าหน้าที่เรือนจำเบิกตัวมาขึ้นศาลพัทยา ก่อนใช้มีดแทงทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในศาลจนได้รับบาดเจ็บแล้ว ใช้ปืนยิงเปิดทางหลบหนี

เหตุการณ์นั้น...ยังไม่พ้นข้ามเดือน...ก็มีเหตุยิงคู่ความและทนายความ ภายในห้องพิจารณาของศาลจังหวัดจันทบุรี ระหว่างรอกระบวนการพิจารณาคดีพิพาทมรดกที่ดิน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ...

กลายเป็นข้อสงสัยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการป้องกันเหตุร้าย จนถึงหลักประกันความปลอดภัย ให้กับประชาชน บุคลากรของศาลยุติธรรม อันจะทําให้ศาลยุติธรรมดําเนินกระบวนการพิจารณาพิพากษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สกู๊ปหน้า 1” มีโอกาสเข้าพบ สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมกับนำสังเกตการณ์มาตรการป้องกันเหตุต่างๆ ศาลอาญา รัชดา ตั้งแต่ประตูทางเข้า-ออก บุคคลต้องผ่านช่องทางที่ติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธชนิดประตู และตรวจกระเป๋า หรือสัมภาระอย่างเข้มงวด

บริเวณชั้น 1...จัดเป็นพื้นที่ห้องคุมขัง แบ่งห้องคุมขังชาย และหญิง จัดทําลูกกรง 2 ชั้น ในการควบคุมและป้องกันไม่ให้ส่งของต้องห้ามแก่ผู้ต้องคุมขัง มีการแยกห้องรอประกัน ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องกันเอง หรือคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง และจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว มาตั้งแต่ชั้นสอบสวน

ทั้งหมดของพื้นที่ห้องคุมขังนี้...มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดูแลอย่างทั่วถึงเข้มงวด...

สราวุธ ให้ข้อมูลว่า ในอดีตการดูแลความเรียบร้อยควบคุมจำเลย หรือผู้ต้องหา เดินทางมารับการพิจารณาคดีในชั้นศาลนั้น มี 2 หน่วยงาน รับผิดชอบ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยราชการชั่วคราว และมีบางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จากกรมราชทัณฑ์

...

แต่ส่วนใหญ่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหา มักเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกเว้น ศาล ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลรับผิดชอบ เพราะมีอัตรากำลังมากเพียงพอ ทำหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาจากเรือนจำมายังห้องคุมขังของศาล ก่อนนำตัวขึ้นห้องพิจารณาคดี และนำตัวกลับเรือนจำ

ทว่า...มาตรการรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยบริเวณศาล มีความสำคัญมาก ทำให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอให้บัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือคอร์ตมาร์แชล และประกาศใช้ในวันที่ 6 ส.ค.2562

วัตถุประสงค์...ในการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณศาล ทำหน้าที่บังคับตามคำสั่งศาลยุติธรรม ในส่วนคดีอาญา มีอำนาจจับ ค้น ควบคุม สืบสวน ติดตามผู้หลบหนีจากเขตอำนาจศาล เพราะผู้ต้องหาหลบหนีหมายศาลนี้ ไม่มีเจ้าภาพเป็นหลัก

ในอดีตต้องประสาน สตช.ติดตามตัวผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหน้าที่หลักตามคดีอาชญากรรมทั่วไปมากมายอยู่แล้ว ทำให้ต้องตั้งเจ้าพนักงานตำรวจศาลมาทำหน้าที่นี้ ในช่วงต้นมีข้าราชการรับโอนผ่านการฝึกอบรมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ 35 นาย แต่ยังไม่สามารถกระจายไปประจำการยังศาลตามภูมิภาคทั่วประเทศ 275 แห่ง และต้องดำเนินการเพิ่ม หน่วยเจ้าพนักงานตำรวจศาล ประจำศาลภูมิภาคอย่างน้อยศาลละ 1-2 นาย

ในปี 2563 จะคัดเลือกบุคคลให้ได้อย่างน้อยอีก 309 นาย ภายใน 3-5 ปีนี้ต้องพัฒนาอัตราเจ้าพนักงานตำรวจศาลไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย จะทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์บริเวณศาลขึ้นอีก ถือว่า...คุ้มค่ากับการดำเนินการ ดูแลความปลอดภัย และติดตามผู้ต้องหาหนีหมายจับศาล

ประเด็นน่าสนใจมีว่า...ทุกวันนี้การปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณศาล ใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จัดสรรการจ้างมาจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ในการตรวจผู้กระทำความผิด หรือนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาบริเวณศาล ที่ไม่มีอาวุธประจำกายในการดูแลความเรียบร้อย

ปัญหาเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา...ตั้งแต่ผู้พิพากษาใช้ปืนยิงตัวเอง ในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา หรือผู้ต้องขังคดียาเสพติดหลบหนี ศาลจังหวัดพัทยา ล่าสุดเหตุยิงกันในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดจันทบุรี ในเรื่องนี้ สนง.ศาลยุติธรรม มีความตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องเข้มงวดในการตรวจตราอาวุธเข้าบริเวณศาลยิ่งขึ้น

ซึ่งมีการนำข้อมูลแผนรักษาความปลอดภัยมาตรวจสอบทั้งหมด และศึกษาประเมินความเสี่ยงในพื้นที่ ทั้งบุคลากร มีความเข้มงวด ตื่นตัว ระมัดระวังเพียงพอแค่ไหน เครื่องอุปกรณ์มีความพร้อมใช้งานหรือไม่

“จริงๆแล้ว...การนำอาวุธเข้าพื้นที่เขตบริเวณศาล ถือว่าต้องห้ามเด็ดขาด แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถพกพาอาวุธเข้าได้ ซึ่งมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ที่สามารถไต่สวนลงโทษตามความผิดได้ทันที ดังนั้น การเข้าพื้นที่บริเวณศาล มีการใช้มาตรการเทียบเท่ากับสนามบิน ที่มีการตรวจค้นอาวุธอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน” สราวุธ ว่า

สาเหตุเพราะถูกมองว่า...หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเป็นพยานชั้นศาล มีการพกพาอาวุธเข้ามาได้ ทำให้คนอื่นมองเห็นอาจเกิดการเกรงกลัวขึ้น กลายเป็นลักษณะการข่มขืน มีผลต่อการพิจารณาคดี อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม...ที่นอกเหนือจากการรักษาความปลอดภัย

...

ตามหลักต้องเริ่มปฏิบัติตั้งแต่เข้ามาบริเวณศาล หากตรวจค้นพบอาวุธ ต้องมีความผิดฐานละเมิดศาล รวมถึงพกพาอาวุธโดยไม่มีเหตุอันควรแล้วแต่กรณี แม้ได้รับอนุญาต เช่น ตำรวจในเครื่องแบบก็ห้ามนำอาวุธขึ้นมาในบริเวณศาล เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายรับรู้ข้อปฏิบัตินี้ดีมาตลอด

ในส่วนเรื่องของการรักษาความปลอดภัย หรือแผนการเผชิญเหตุฉุกเฉินของศาล ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2550 เพื่อป้องกันเหตุร้าย เสริมสร้างความศักดิ์สิทธิ์แห่งสถาบัน และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้มีอรรถคดีในศาลยุติธรรม

ตลอดจนเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้แก่บุคลากรของศาลยุติธรรม และบุคคลต่างๆที่มาศาล อันจะทําให้ศาลยุติธรรมสามารถดำเนินกระบวนการพิจารณาพิพากษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีตั้งแต่มาตรการเกี่ยวกับอาคารสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ เพื่อความเหมาะสมในการรักษาความปลอดภัย ด้วยการจัดให้มีรั้วรอบบริเวณ แยกให้อาคารศาลยุติธรรมจัดช่องทางเข้าออกเท่าที่จําเป็น มีป้อมยามประจําช่องทาง กำหนดช่องทางให้รถราชทัณฑ์ที่มีหน้าที่รับส่งผู้ต้องคุมขัง และแยกช่องทางจอดรถพิเศษให้กับห้องคุมขัง

มาตรการเกี่ยวกับระบบการรักษาความปลอดภัย จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจําทางเข้าออกดูแลความเรียบร้อยของบุคคลเข้าออก และป้องกันไม่ให้มีการพกพาอาวุธ ตั้งตรวจจุดต้องผ่านช่องทางที่ติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธชนิดประตู กรณีสงสัยให้ตรวจกระเป๋า หรือสัมภาระ ใช้เครื่องตรวจอาวุธขนาดเล็กอีกครั้ง เป็นต้น

ซ้ำร้าย...กรณีมีผู้ต้องหาหลบหนี ต้องเร่งติดตามตัวมาโดยเร็ว ด้วยการประสานหน่วยงานทุกหน่วย ที่ผ่านมาต้องขอบคุณ สตช.และกรมราชทัณฑ์ ที่ร่วมจัดเจ้าหน้าที่มาดูแล ติดตามผู้กระทำผิดหลบหนีมาตลอด ตามที่มีข้อมูลส่วนใหญ่คนหลบหนีมักต้องโทษร้ายแรง อุกฉกรรจ์ ตั้งแต่จำคุกตลอดชีวิต จนถึงประหารชีวิต

...

ในอนาคตเรื่องแผนมาตรการเกี่ยวกับระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆในบริเวณศาล ต้องมีการทบทวนมาตรการ หรือความพร้อมเพียงพอมากน้อยแค่ไหน น่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น...

“หากมาตรการดี มีความพร้อม...ต้องไม่เกิดเหตุ แต่เมื่อมีเหตุก็ต้องศึกษาถึงต้นเหตุว่า...เกิดข้อบกพร่องจุดใด นำมาวิเคราะห์ให้รอบด้าน หรือการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยเฉพาะบุคลากร ในการปฏิบัติต้องไม่หย่อนยาน เพราะมีอุปกรณ์ป้องกันดีเยี่ยมขนาดไหน แต่เจ้าหน้าที่มีความหย่อนยาน ก็ไม่มีประโยชน์”

ทั้งหมดเหล่านี้เป็นการถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่ผ่านมา...ที่ต้องให้ความสำคัญในการดูแลความปลอดภัย วางมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อความมั่นใจ อุ่นใจ เมื่อเข้ามาบริเวณศาลต้องไม่มีเหตุร้าย.