ปัจจุบันประเทศไทยมีการทำนาเกลือทั้งหมด 7 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และปัตตานี มีเกษตรกรทำนาเกลือ 712 รายสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ลงพื้นที่สำรวจและจัดเก็บข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตเกลือทะเล ปีการผลิต 2565/66 จากเกษตรกรทำนาเกลือ 130 รายเพื่อจัดทำข้อมูลเอกภาพ และส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตเกลือทะเลในพื้นที่นำร่องในพื้นที่ อ.เมือง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม (อำเภอเมือง)พบว่า ปีนี้เกษตรกรสามารถผลิตเกลือทะเลได้ตามปกติ ประมาณ 5-6 รื้อ (ครั้ง) เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างดี ฝนน้อย ส่งผลให้ผลผลิตเกลือทะเลในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม และเพชรบุรี มีปริมาณมากเกษตรกรมีต้นทุนประมาณไร่ละ 13,000 บาทต่อปี ต้นทุนส่วนใหญ่จะเป็นค่าแรงงาน ร้อยละ 63.20 ค่าเช่าที่ดิน/ค่าใช้ที่ดิน ร้อยละ 17.20 และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ร้อยละ 19.60เกษตรกรจะได้ผลผลิตเกลือทะเลประมาณ 8-10 เกวียนต่อไร่ (1 เกวียน = 1.6 ตัน)ราคาที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ย ม.ค.–มิ.ย. ราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เกลือขาว ราคาตันละ 2,578 บาท เกลือกลาง ตันละ 2,095 บาท เกลือเหมายุ้ง ตันละ 1,518 บาทผลผลิตส่วนใหญ่เกษตรกรจำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อผลผลิต ณ ยุ้งฉางเกลือ มีการจำหน่าย 2 แบบ จำหน่ายแบบแยกเกรด (แบ่งเกรดเป็นเกลือขาว เกลือกลาง และเกลือดำ) และการจำหน่ายแบบเกลือคละอย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีมาตรการการจัดการและป้องกันแก้ไขปัญหาด้านราคาเกลือทะเล ปีการผลิต 2565/66 โดยคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย กำหนดราคาขั้นต่ำของเกลือทะเลไทย 3 ชนิด คือ เกลือขาว ตันละ 1,800 บาท เกลือกลาง ตันละ 1,500 บาท และเกลือดำ ตันละ 1,300 บาท เพื่อรักษาเสถียรภาพ รวมทั้งมีมาตรการสนับสนุนงบประมาณชดเชยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พักชำระหนี้เกษตรกรนาเกลือ และขยายระยะเวลาหรือลดดอกเบี้ย สนับสนุนสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อการปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บรักษาเกลือมียุ้งฉางสำหรับเก็บเกลืออย่างเพียงพอ.สะ–เล–เต