นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวย การสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยถึงผลสำเร็จการรวมกลุ่มของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดช็อป ต.หัวลำ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ในการปลูกข้าวโพดต้นสดพร้อมฝักและนำไปผลิตเป็น “ข้าวโพดช็อป” จำหน่ายแบบครบวงจรเพื่อส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดช็อปเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกรวม 3,000 ไร่ มีสมาชิกและเครือข่ายรวม 227 ราย การดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดซื้อเครื่องม้วนข้าวโพดหมัก รถคีบ และรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตและขนส่ง โดยสมาชิกต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแบบเดียวกัน โดยทางคณะกรรมการแปลงใหญ่จะเป็นผู้จัดหาเมล็ดพันธุ์คุณภาพจำหน่ายให้แก่สมาชิกเพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของผลผลิต และเมื่อถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวทางกลุ่มจะจัดหารถเพื่อไปทำการเก็บเกี่ยวให้แก่สมาชิกโดยตรง” ผอ.สศท.7 เผยถึงการดำเนินการธุรกิจของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดช็อปในด้านการตลาดทางกลุ่มได้จัดทำบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขายกับ 7 สหกรณ์ และ 1 ฟาร์ม ได้แก่ สหกรณ์โคนมสวรรคโลก จ.สุโขทัย, สหกรณ์โคนมปากช่อง จ.นครราชสีมา, สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จ.สระบุรี, สหกรณ์โคนมพัฒนานิคม, สหกรณ์โคนมชัยบาดาล, สหกรณ์โคนมท่าวุ้ง, สหกรณ์โคนมหนองรี และฟาร์มโคขุน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี โดยทางกลุ่มรับซื้อจากเกษตรกรในรูปของการสับบด (ข้าวโพดช็อป) เฉลี่ยราคาอยู่ที่ กก.ละ 1.41 บาท โดยการจำหน่ายของกลุ่มจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบบรรจุถุงขนาด 25 กก. ราคาถุงละ 55 บาท และแบบอัดเป็นก้อนพร้อมแร็ปพลาสติก ราคาตันละ 2,700 บาท ผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 ส่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์ที่ทำบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขาย “สำหรับผลผลิตอีกร้อยละ 30 ส่งออกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น กาตาร์ และเกาหลีใต้ โดยขนส่งทางเรือ นอกจากนี้ยังมีจีนและเวียดนามให้ความสนใจและได้ติดต่อทำการซื้อขายกับทางกลุ่มมาเรียบร้อยแล้ว การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตก่อนส่งออกสินค้าทุกครั้ง ทางกลุ่มจะนำข้าวโพดช็อปที่ผ่านการหมักแล้ว 21 วัน ไปตรวจสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการ วิเคราะห์อาหารสัตว์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบหาสารพิษตกค้างโดยส่งไปตรวจสอบที่บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด สาขาขอนแก่น นับว่าเป็นจุดแข็งของทางกลุ่มในด้านของกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง โดยระยะต่อไปทางกลุ่มมีแผนที่จะเพิ่มเครือข่ายสมาชิก ขยายพื้นที่เพาะปลูก และเพิ่มด้านของเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐานยิ่งขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด” นางอังคณา กล่าว.