ผบช.สตม.นำทีมตำรวจลุยตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จับกุมแก๊งปล่อยกู้ผ่าน แอปพลิเคชันมือถือ 6 แอป เป็นชายชาวจีน กับสาวไทย ฐานร่วมกัน ประกอบกิจการทวงหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต พบพนักงาน ทวงหนี้ 66 คน กำลังติดตามทวงหนี้ นำมาสอบปากคำ เป็นพยาน แฉนำเงินจากนายทุนจีนปล่อยกู้เรียกค่าตอบแทนสุดโหด ชำระล่าช้าถูกโขกค่าปรับซ้ำ แถมใช้ข้อมูลส่วนตัวของลูกหนี้ โทร.จิกทวงเงินลูกหนี้และ คนใกล้ชิดทำให้ได้รับความอับอาย และยังข่มขู่ให้หวาดกลัว จนแห่เข้าแจ้งความตำรวจ กระทั่งมีการจับกุม

สตม.ลุยจับหนุ่มจีนและสาวไทยแก๊งปล่อยกู้ผิดกฎหมาย เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคลผบก.ภ.จ.นนทบุรี นำกำลังตำรวจ กองกำกับการปฏิบัติการอาชญากรรมพิเศษ (กก.ปอพ.) บก.สส.สตม.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) และตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านอาคารสำนักงาน 5 ชั้น เลขที่ 13 ซอยรัตนาธิเบศร์30 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จับกุม น.ส.ณัฐชุตากุลเชษฐ์ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ299/2564 ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการทวงหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต มิ.ย.64 จากการตรวจค้นพบพนักงานกำลังติดตามทวงหนีลูกค้ากระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ รวม 66 คน ยึดคอมพิวเตอร์ 100 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 70 เครื่อง ไว้เป็นของกลาง

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 30 ซอยหมู่บ้านจันทิมาธานี 2 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จับกุมนายเหลียน ปิน ปิน ชาวจีน ตามหมายจับ ที่ 516/2564 ข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการทวงหนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการตรวจค้นพบสมุดบัญชี 15 เล่ม บัตรกดเงิน 10 ใบ และโทรศัพท์มือถือ
13 เครื่อง

...

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เปิดเผยเบื้องหลังการลุยตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุดดังกล่าวว่า ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้กู้เงินนอกระบบจากแอปพลิเคชันที่โฆษณาตามสื่อออนไลน์ต่างๆ 6 แอปพลิเคชัน ประกอบด้วย แมวกวัก tiktak Ubaht Cashdaddy เต่ามงคล ถุงเงิน พร้อมส่งข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ให้บริการยอดเงินกู้ตั้งแต่ 2,500-10,000 บาท มีการหักค่าธรรมเนียมร้อยละ 30-42 กำหนดชำระคืนภายใน 7 วัน หากเกินกำหนดวันแรกค่าปรับร้อยละ 12ต่อวัน ถัดไปร้อยละ 5 หากไม่ชำระตามที่กำหนดจะถูกเจ้าหน้าที่โทร.ตามทวงหนี้ หรือโทร.หาญาติพี่น้อง หรือคนรู้จัก เพื่อให้เกิดความอับอาย มีประชาชนตกเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก บางรายถูกโทร.ข่มขู่ เข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีจนมีการออกหมายจับผู้ต้องหาสองคนดังกล่าว

ผบช.สตม.กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่า เปิดบริษัทมาประมาณ 6 เดือน มีนายทุนจากประเทศจีนเป็นผู้โอนเงินมาเป็นทุนปล่อยกู้ เมื่อได้กำไรก็โอนคืนกลับไป ก่อนหน้าเคยเปิดบริษัทมาแล้ว และต้องปิดบริษัทไปประมาณ 3 เดือน เนื่องจากมีพนักงานติดโควิด-19 หลายราย และกลับมาเปิดใหม่ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปสอบสวนที่ สตม. ก่อนส่งดำเนินคดีที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ส่วนพนักงานทั้ง 66 คน หากสอบสวนแล้วเป็นแค่พนักงาน ไม่เข้าข่ายร่วมกระทำผิด จะสอบไว้เป็นพยาน

พล.ต.ท.สมพงษ์กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทาง สตม.จะได้ประสานกับศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องในความผิด ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป ขอเรียนให้ทราบว่าสตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หมายเลขโทรศัพท์ 1178 ได้ตลอด 24 ชม.