เมื่อเอ่ยชื่อ “ขนมทองโยะ” หรือ “หมี่สิ” เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยไปเที่ยว อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คงจะได้ลิ้มลองรสชาติกันมาบ้างแล้ว เป็นขนมชนิดหนึ่งของชาวกะเหรี่ยง เป็นขนมมงคล ทำจากข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วนำไปคลุกเคล้ากับเกลือ เมล็ดงา หรือเมล็ดแง (เป็นเมล็ดงาชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอม สีน้ำตาลอ่อน) แล้วนำไปตำในครกกระเดื่องจนข้าวเหนียวและส่วนผสมแหลกเป็นเนื้อเดียวกัน“จากนั้นนำไปปั้นเป็นแผ่นแล้วหั่นเป็นท่อนๆพอดีคำ นำไปทอดน้ำมันรับประทานเปล่าๆจะกรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นเมล็ดงาจางๆ รสชาติอมหวานอมเค็มเล็กน้อย หากใครที่ชอบรับประทานรสหวานก็สามารถนำไปจิ้มกับนมข้นหวาน หรือน้ำผึ้งรับประทานก็ได้ ซึ่งนับวันจะหารับประทานยาก เนื่องจากขั้นตอนการทำยุ่งยากและมีคนสนใจทำน้อยลง”นางปัทมา สังขเนรมิต หรือ “คุณยายหลอ” ชาวกะเหรี่ยงวัย 61 ปี บ้านต้นผึ้ง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เล่าว่ายึดอาชีพทำขนมทองโยะขายเลี้ยงชีพมานานแล้วตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ขั้นตอนการทำสำหรับมือใหม่แล้วค่อนข้างยุ่งยาก คนรุ่นหลังไม่ค่อยจะสนใจทำกัน และนับวันจะสูญหายไป ปัจจุบันในพื้นที่ อ.สังขละบุรี มีคนทำขนมทองโยะขายเพียงแค่ 2-3 รายเท่านั้นทุกวันนี้นอกจากทำขายตามตลาดใกล้บ้านแล้ว ยังมีเจ้าของรีสอร์ตและหน่วยงานราชการสั่งทำเพื่อนำไปจัดเลี้ยงลูกค้าและแขกผู้มาเยือน เพราะเป็นของแปลกหารับประทานได้ยาก และรสชาติอร่อยคุณยายหลอยังเผยถึงเคล็ดลับความอร่อยของขนมทองโยะว่า อยู่ที่เมล็ดงา ที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมต้องเป็นเมล็ดงาปีต่อปี เมื่อนำไปคั่วจะให้กลิ่นหอม มีรสมัน แต่ต้องติดเค็มนิดๆ ตอนตำเมล็ดงาต้องตำให้ละเอียด ใส่เมล็ดงาเยอะๆ จะทำให้ขนมทองโยะมีกลิ่นหอม“ข้าวเหนียว 5 กก. เมล็ดงา 2 กก. ทำขนมทองโยะได้ 45-50 แผ่น จำหน่ายในราคาแผ่นละ 10 บาท ขายได้ 400-500 บาท หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 200-300 บาท สำหรับยายแล้วถือว่าเป็นรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้”ฟังคุณยายหลอเล่าให้ฟังแล้วก็นึกอยากรับประทานขึ้นมาทันที ดังนั้นหากใครไปเที่ยว อ.สังขละบุรี คงไม่พลาดซื้อขนมทองโยะรับประทาน ลองดูว่ารสชาติอร่อยสมคำร่ำลือหรือไม่...!!!จตุพล ทิพมณฑล