ประเพณีนิยมการปล่อยนกปล่อยปลา ส.พลายน้อย เขียนไว้ในสารานุกรมวัฒนธรรมไทย (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พ.ศ.2553) ย้อนไปสมัยโบราณ ท่านปล่อยสัตว์อื่นๆ อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ เต่า ตะพาบน้ำ

สถานที่ที่จะปล่อยก็คือวัด ด้วยความเชื่อ เมื่อเป็นของวัด สัตว์นั้นจะปลอดภัย แถมความเชื่อคนที่เอาของวัดไปจะตกนรก ในบางพิธีสะเดาะเคราะห์ ต้องใช้ไก่ตัวเป็นๆ “ตัดหาง” เสร็จก็เป็นธรรมเนียมที่จะเอาไปปล่อยวัด

จึงเป็นที่มาของสำนวน ตัดหางปล่อยวัด

สัตว์ที่เลือกไปปล่อยวัด ที่ชาวบ้านทั่วๆไปไม่ค่อยรู้ ก็คือ ช้าง

ในพงศาวดาร...เคยมีคำกล่าว “ช้างต้นพระบรมจักรพาฬหัตถีนั้น งายาวออกไป ให้จำเริญเข้าไปเกือบจะถึงไส้งาอยู่แล้ว เกรงจะล้มเสีย” จึงดำรัสว่า “เราจะเอาไปถวายพระพุทธบาท แล้วจะปล่อยไปป่า”

บันทึกจากพงศาวดารนี้ จึงเป็นที่มาของอีกสำนวน “ปล่อยพระบาท”

การปล่อยสัตว์มักทำกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ และในเวลาที่มีการเจ็บไข้ได้ป่วย หลักฐานในหนังสือภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา ว่า

มีหมู่บ้านสองแห่งที่จับสัตว์มาขาย คือบ้านพระกราน จับปลาหมอเกราะ บ้านป้อมหัวพาน จับนกอังชัน นกกระจาบ นกสีชมพู นกปากตะกั่ว ใส่กรง ใส่อ่างมาเร่ขายให้ชาวกรุง

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ การปล่อยนกปล่อยปลา ดูจะไม่จำเพาะตรุษสงกรานต์ แม้ในเทศกาลอื่นก็ทำ

ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน ตอนหนึ่งว่า แลการตรุษจีนนี้ จ่ายเงินให้ซื้อปลาปล่อยวันละ 10 ตำลึง บรรทุกเรือมาจอดอยู่ที่แพลอย เวลาทรงพระเต้าษิโนทก

แล้วโปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอ นำลงโปรดที่เรือปลา แล้วตักปลานั้นปล่อยหน้าที่นั่ง

พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 2 บันทึกว่า...ทรงพระราชดำริว่า ความไข้ซึ่งบังเกิดทั่วไปแก่สมณชีพราหมณ์ แลไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินครั้งนี้เพื่อกรรมของสัตว์ ใช่จะเป็นแต่กรุงเทพมหานคร ก็หาไม่

...

เมืองต่างประเทศ แลเกาะหมาก เมืองไทร ก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งจะรักษาพยาบาลแก้ไขด้วยคุณยา เห็นจะไม่หาย จึงให้ตั้งพระราชพิธีอาฏานิยสูตร เมื่อ ณ วันจันทร์ เดือน 7 ขึ้นสิบค่ำ (22 พ.ค.2363) ยิงปืนใหญ่รอบพระนครคืนหนึ่งยังรุ่ง แล้วเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมธาตุ ทั้งพระราชาคณะ ออกแห่โปรยทาน ประน้ำปริตทั้งทางบกทางเรือ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงศีล ทั้งพระราชวงศ์ที่มีกรมหากรมมิได้ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ก็โปรดสั่งมิให้เฝ้า ให้งดกิจราชการเสีย มิให้ว่า มิให้ทำ

ให้ตั้งใจทำบุญสวดมนต์ ให้ทาน บรรดาไพร่ซึ่งนอนเวรประจำซองรักษาพระราชวังชั้นใน แลชั้นนอก ก็ให้เลิกปล่อยไปบ้านเรือน โดยทรงพระเมตตาว่า ประเพณีสัตว์ด้วยกัน ภัยมาถึงก็ย่อมรักชีวิต

บิดามารดาภรรยาแลบุตรญาติพี่น้องก็เป็นที่รักเหมือนกัน จะได้ไปรักษาพยาบาล

ที่ผู้ใดมีกตัญญูอยู่รักษาพระองค์ มิได้ไปนั้น ก็พระราชทานเงินตรา ให้ความชอบ

และให้จัดซื้อปลาแลสัตว์สี่เท้าสองเท้าที่มีผู้จะฆ่าซื้อขาย ทรงปล่อยสิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก

คนโทษที่ต้องเวรจำอยู่นั้น ก็ปล่อยออกสิ้น เว้นแต่พม่าข้าศึก

บรรดาประชาราษฎร์ทั้งปวง มีรับสั่งห้ามมิให้ไปเที่ยวฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสัตว์ในน้ำแลบนบก ให้อยู่แต่ในบ้านเรือน เดชะอานิสงส์ศีลและทานบารมีแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาจนถึง ณ วันเสาร์ เดือนเจ็ด แรมเจ็ดค่ำ (3 มิ.ย.2363)

ความไข้ก็ระงับเสื่อมลงโดยเร็ว

เรื่อง พระเจ้าอยู่หัว โปรดให้นำช้าง...งายาวเกิน ให้จำเริญ (ตัด) เข้าไปจะถึงไส้งวง เกรงว่าจะล้ม...เอาถวายวัดพระบาท พระเจตนาคือการปล่อยช้างคืนป่า...นี่คือต้นแบบพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่...ที่ผมเชื่อว่าคนไทยน้อยคนเพิ่งจะเคยได้ยิน.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม