“สอบสวนกลาง” เดินเครื่องแบ่งงานแกะรอย ดำเนินคดีอาญาสารวัตรซัว “จิรภพ” ผบช.ก.ประกาศ ดำเนินการตามข้อเท็จจริง ถึงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นลูกอดีต ผบ.ตร.หรือมีความสัมพันธ์ นายพล จ. ชี้ “ไม่ว่าเป็นลูกใครหลานใคร ไม่ใช่ประเด็นหรือสาระ” “มท.” ส่งนิติกรโร่แจ้งความตำรวจดำเนินคดีมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป 3 ข้อหา หลังตรวจสอบพบข้อมูลชัดเจนไม่ได้จดทะเบียน แถมประสานกระทรวงดีอีเอสตรวจสอบความผิดทางคอมพิวเตอร์ด้วย “ชูวิทย์” ตามแฉซ้ำ ตั้งมูลนิธิไว้ฟอกเงิน วิธีการเอาเงินผิดกฎหมายเข้าไปฟอกและบริจาคออก ขาเข้าเทาแต่ขาออกขาว แถมเปิดชื่อสมุนคนสนิทอีกหลายคน โดยเฉพาะ “แก๊งตำรวจ กอส.รุ่นพนันออนไลน์” อ้างกองปราบฯยังถอยเพราะเจอตอ “บิ๊กตู่” ลั่นจัดการเด็ดขาด นายพลเอี่ยวบ่อนออนไลน์ ยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น
กรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว สว.ฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉเป็นเจ้าของบ่อนพนันออนไลน์รายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนกว่าหมื่นล้านบาท สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เบื้องต้นชุดสืบสวน บช.ก.พบว่า เรื่องดังกล่าวมีมูล อยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะเกี่ยวพันไปถึงใครอย่างไรบ้าง
ความคืบหน้าจากห้องประชุมอาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ก.พ. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เรียกประชุมคณะทำงานตรวจสอบกรณี พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือต่อ หรือสารวัตรซัว พัวพันบ่อนพนันออนไลน์ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. คณะทำงานประกอบด้วย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติราชการสอบสวนกลาง
...
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าร่วมประชุม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เผยว่า เบื้องต้นมอบหมายงานให้ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ 8) ดูแล เรื่องงานสืบสวน ส่วน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ดูเรื่องการสอบสวน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดหลายหน่วย อาทิ บก.ป. บก.ปอศ. และบก.ปอท.ที่แต่งตั้งขึ้น ให้สืบสวนสนับสนุนชุดทำงานหาข้อมูลต่างๆเพื่อนำมาประเมินและวิเคราะห์ จากนั้นจะนำมาสรุปการทำงานขั้นต่อไป หลักๆจะเน้นไปที่การตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์หรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบทรัพย์สิน การตรวจสอบบริษัทและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้แบ่งหน้าที่การดำเนินการไปบ้างแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวผู้ถูกกล่าวหามีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อาจโยกย้ายทรัพย์สินหรือทำลายหลักฐานต่างๆจนยากต่อการตรวจสอบจะมีผลต่อการดำเนินการหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า ก็มีเป็นกังวลบ้าง เพราะเรื่องเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่ง เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการขยับโยกย้ายทรัพย์สินและเงิน แต่เชื่อว่าอาชญากรรมไม่ว่าจะรูปแบบใดย่อมทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้เสมอ หากกระทำผิดจริงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยตรวจสอบได้อย่างแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลต่างๆขอเวลาสักระยะหนึ่ง เมื่อพยานหลักฐานมีมากพอแล้วจะตั้งเป็นคดีและเชื่อว่าจะสามารถไปต่อได้อย่างแน่นอน
ถามกรณีผู้ถูกกล่าวหามีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นลูกอดีต ผบ.ตร.และมีความสัมพันธ์กับนายพล จ. จะมีผลต่อการดำเนินงานหรือไม่ ผบช.ก.ยืนยันว่า เราดำเนินการตามข้อเท็จจริง จะเป็นลูกใครหลานใครไม่ใช่ประเด็นหรือสาระ ยึดพยานหลักฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นที่ตั้ง ส่วนเรื่องบทลงโทษทางวินัยปล่อยให้เป็นหน้าที่ต้นสังกัด เราดำเนินการเฉพาะเรื่องคดีอาญา หากปรากฏข้อเท็จจริงใดๆจะรายงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอนอยู่แล้ว
“การสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ยืนยันว่า ยินดีเปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ หรือใครก็แล้วแต่สามารถส่งมาได้ เพราะข้อมูลที่ได้มาถือว่าเป็นประโยชน์ทุกข้อมูล และจะนำข้อมูลที่ส่งมาไปตรวจสอบต่อ ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ให้มานั้นมีมาจำนวนมาก และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะนำไปดำเนินการตรวจสอบ หากปรากฏเป็นข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมายจะใช้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนการจะเรียกนายชูวิทย์มาให้ปากคำหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต” พล.ต.ท.จิรภพกล่าว
ที่ สน.นางเลิ้ง นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับจดทะเบียนมูลนิธิเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีเจ้าของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป หลังตรวจสอบพบว่าไม่ได้จดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ นายรัฐวิชเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ กล่าวถึงมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด กรมการปกครองฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับจดทะเบียนมูลนิธิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานข้อมูล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิชื่อดังกล่าว จากการลงพื้นที่สืบสวนพบผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในเครือเป็นต่อกรุ๊ปยอมรับว่า มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้ง เป็นการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันหลายบริษัท การทำกิจกรรมต่างๆและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธิจึงเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
“กรมการปกครองจึงมอบหมายให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ใน 3 ฐานความผิดคือ 1.ผิด พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ 2499 ใช้คำว่ามูลนิธิประกอบกับชื่อในดวงตาและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ 2.พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร 2487 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 17 และ 3.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนความผิดอื่นกรมการปกครองประสานงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามแล้ว จะต้องสอบสวนขยายผลต่อไป” นายรัฐวิชกล่าว
...
ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการปกครองตรวจสอบกรณีใช้ชื่อระบุว่า มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปพบว่า ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้มอบหมายให้นิติกรเข้าแจ้งความแล้ว นอกจากนี้ยังลงนามหนังสือถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ให้ตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศฐานะนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัด กำชับนายอำเภอทุกพื้นที่ตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิต่างๆที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายว่า ขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิเพื่อแสวงหาประโยชน์ผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินกิจการของมูลนิธิที่ก่อตั้งแล้ว หากพบความผิดปกติทางการเงิน หรือไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการที่เข้าข่ายความผิด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับนายพลเกี่ยวข้องบ่อนออนไลน์ในช่วงนี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวน ตนกำชับไปว่าหากสอบสวนแล้วมีผู้เกี่ยวข้องชัดเจนต้องลงโทษเท่านั้น เราต้องทำแบบนี้ ที่ผ่านมาจะมีการปกปิดกันอย่างไรตนไม่ทราบ แต่วันนี้เมื่อมีการแจ้งเข้ามาจากประชาชนต้องขอขอบคุณที่ส่งหลักฐานและข้อมูลต่างๆเข้ามา ต้องดำเนินการและดำเนินคดี
“ความจริงแล้วมันเกิดมานานพอสมควร ถ้ามองย้อนกลับไปจากข้อมูลที่ให้มาวันนี้เราเอาจริงเอาจัง ไม่รู้หรอกมีเรื่องมีราวอะไรมา อีกทั้งเมื่อวันก่อนได้ออกระเบียบเรื่องของข้าราชการทุกประเภทไปแล้ว จะลงโทษสถานหนักทางวินัยและอาญา ให้ออกจากราชการไว้ก่อนในทำนองนี้ วันนี้เราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งหรือสองวัน แต่เกิดมานานแล้ว อยากจะทำและแก้ไข แต่ก่อนไม่มีหลักฐานไม่มีใครร้องเรียน แต่วันนี้ถือเป็นเรื่องดีที่มีคนร้องเรียนเข้ามา จะได้ทำสะดวกรวดเร็วขึ้น ยืนยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
...
มีรายงานวันเดียวกันว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ภาพและข้อความ เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 12 ก.พ.ว่า มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว นับวัน ชักแปลกเข้าไปทุกที อะไรที่ผมขุดขึ้นมาพูดมักมีอันเป็นไป ไม่ว่าสารพัดหน่วยงานรัฐไปยันตัวบุคคล หากผมไม่เอาขึ้นมาพูดก็อยู่ดีมีสุข ต้องขออนุญาตไว้ตรงนี้ว่า “อย่าได้โทษผม” อันที่จริงบ้านเมืองมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่รัฐรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ดันเป็นความผิดของผมที่เอาความจริงมาพูดให้สังคมได้ยินได้เห็น แล้วมีการตรวจสอบจับกุมกันวุ่นวาย ขนาดพูดแล้วยังทำเป็นปากแข็ง แต่ไม่นานก็หลุดลอกเห็นเนื้อแท้ว่า “ของเก๊” อย่างสารวัตรซัวทำเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นล้านไม่เสียภาษีพนันสักบาท แถมเป็นตำรวจแท้ๆไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปทำการค้าพนันออนไลน์ใหญ่โต แตกกิ่งก้านสาขาจนถึงขนาดเป็นเครือข่าย “เป็นต่อ กรุ๊ป” ตั้งบริษัทเป็นสิบทำสารพัดอย่างไปยันอาบอบนวดร่ำรวยมหาศาล เอาทั้งเงิน เอาทั้งยศ เอาทั้งหน้า เอาทั้งบุญ มีถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” แต่พอกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบดันพบอีกว่า “ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ” หากผมไม่เอามาพูดคงใช้มูลนิธิฟอกขาว สร้างตัวตนทำทีเป็นคนดีบริจาคให้เด็กยากจนตามต่างจังหวัด แต่เป็นได้แค่ประเภท “มือถือสาก ปากถือศีล” เหมือนกันหมด พนมมือ เล่นไพ่ ปล้นเงินเด็กเป็นล้านแต่บริจาคหลักร้อย แท้ที่จริงไม่ใช่มารวมตัวทำบุญอะไรหรอกครับ หากจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะไม่ต้องอ้างชื่อเป็นมูลนิธิก็ได้ แต่เหตุเพราะจะเอาไว้ใช้ “ฟอกเงิน” วิธีการคือเอาเงินผิดกฎหมายเข้าไปฟอก และบริจาคออก เท่านั้นเอง ขาเข้าเทาแต่ขาออกขาว เคยบอกแล้วว่า พวกพนันออนไลน์มีปัญหาคือ มีเงินมากไป เป็นเงินที่ไม่เคยเสียภาษีสักบาท
...
สารวัตรซัว “อยู่เป็น” ถึงใช้ชื่อ “เป็นต่อ” รู้จักใช้ชีวิต อยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ฝากเงินที่สิงคโปร์ เที่ยวอย่างหรูหรา โรงแรมที่ญี่ปุ่นชื่อ “Skye ที่เมือง Niseko” ค่าที่พักเพนต์เฮาส์คืนละ 150,000 บาท นอนไป 1 อาทิตย์ราคาร่วม 1 ล้านบาท สำหรับสารวัตรซัวจิ๊บๆ อย่างนี้คนทำมาหากินสุจริต หรือเงินเดือนตำรวจที่ไหนจะจ่ายได้? แต่สารวัตรซัวบินสูงทำตัวเป็นตำรวจเงียบๆเฉพาะตอนอยู่เมืองไทย แต่อู้ฟู่ตอนบินรอบโลกพักหรูหราอยู่อย่างมหาเศรษฐี คนอาจจะรู้แต่ไม่มีใครพูด ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเอาเปรียบสังคม ทำการพนันเกมออนไลน์หลอกเอาเงิน แค่ลูกกระจ๊อกยังมีรายได้ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน ตัวเองเป็น “มาสเตอร์แฟรนไชส์” ของเกมสลอตและสารพัดเกมที่หลอกคนไทยเล่น ดูเหมือนจำนวนเงินน้อยแต่ไม่ต่างจากของโบราณคือตู้ม้า ดูดเงินทีละ 2,000-3,000 บาท แต่คนเล่นเป็นแสนเป็นล้านคน เดือนๆหนึ่งได้เท่าไหร่? แถมใครซื้อแฟรนไชส์ต้องพ่วงแพ็กเกจติดโฆษณาเกมไปด้วยใหญ่โตที่สุดในประเทศ นั่งรับเงินอยู่เมืองนอกไม่ต้องทำอะไร เพราะลูกข่ายทำงานแทนเหมือนแชร์ลูกโซ่ เรียกว่า เกมออนไลน์ลูกโซ่ มีเว็บต่างๆเป็นพันเว็บที่ลงท้ายด้วย “Bet” และอื่นๆ ล้วนของท่านสารวัตรซัวทั้งหมด ทำร่วมกับลุค หุ้นส่วนคู่ซี้
เด็กเส้นติดตามสารวัตรซัวอีกคนชื่อ “รูบี้” กอส.รุ่น 42 (ศิษย์เก่ารุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน) ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบฯยังถอยเพราะไปเจอตอ และยังมีลูกข่ายอีกเป็นพันๆคน ยังไม่นับรวมกอล์ฟ เต็น ตั้ว “แก๊งตำรวจ กอส.รุ่นพนันออนไลน์” อีก ตอนนี้ผมแฉแล้ว กรุณาหาช่องทางจับสักทีเถอะครับ เพราะยังไงสารวัตรซัวก็คงไม่เดือดร้อน มีบ้านมีเงินฝากอยู่ลอนดอนหลายร้อยล้านปอนด์ กินหลายชาติก็ไม่หมด แต่ล้วนเอามาจากคนไทยตอนใส่เครื่องแบบตำรวจทั้งนั้น ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเกิดจนยิ่งใหญ่มีเงินมากมายจากการหลอกลวงคนไทย ไม่ได้เสียภาษีอะไรให้ประเทศสักบาทเดียว แถมสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังจ่ายเงินเดือนจากภาษีประชาชนกลับไปให้สารวัตรซัวมานานเป็นสิบปี โดยไม่ได้ทำอะไรเลย มันน่าเจ็บใจแท้ๆ