การแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้ยิ่งมีความเข้มข้นเข้ามาทุกทีหลังจากที่ได้ห่างเหินการชมมานานถึงสี่ปีเต็ม ผู้คนทุกเพศทุกวัยต่างได้เลือกชมการแข่งขันด้วยการถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็...สมใจกับทีมที่ตนเองชื่นชม...ชื่นชอบ บ้างก็...เสียดายกับทีมที่ตนเชียร์เต็มที่ แต่ก็พ่ายแพ้ตกรอบ

“การแข่งขันย่อมมีผู้แพ้ มีผู้เสมอ และมีผู้ชนะเป็นธรรมดา คนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาที่รู้จักแพ้รู้จักชนะ...รู้จักให้อภัย ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีสปิริตในการแข่งขัน การต่อสู้ตามกฎกติกา เมื่อการแข่งขันจบแล้วการต่อสู้ก็ต้องจบไปกับกีฬานั้นๆ”

ตรงกันข้าม...หากการแข่งขันจบไปแล้วแต่ผู้เข้าแข่งขันหรือผู้ชมการแข่งขันไม่ยอมจบ ไม่ยอมรับกติกา การตัดสินก็ย่อมจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ความเสียหายขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

คำว่า “ให้อภัย” ย่อมเป็นบทสรุปที่มีค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง

ให้หวนนึกถึงเพลงกราวกีฬาที่เราเคยร้องกันสมัยเป็นเด็กนักเรียนที่ว่า...กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษแก้กองกิเลสทำตนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากล.....นั้น เป็นการประพันธ์ของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจมีความชำนาญทางด้านการกีฬาเป็นอย่างดีที่มีทั้งให้ความเพลิดเพลินจากการได้ร้องเพลง...ให้คติธรรม

อีกทั้งยังสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ลงแข่งขัน รวมถึงให้ความสุขแก่ทุกคนที่ได้ร่วมใจกันแข่งขันกีฬา...เตือนสติทุกๆคนว่า “แก้กองกิเลสทำตนให้เป็นคน” หมายถึงการแก้ไขมิให้สิ่งที่มัวหมองในจิตใจคือความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าครอบงำ

...

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า นักกีฬาบางคนที่ถูกกิเลสครอบงำโดยเฉพาะ “ความโกรธ” ที่เกิดขึ้นภายในตนเอง ได้แสดงอาการขัดแย้ง ไม่สุภาพต่อกรรมการผู้ตัดสินหรือต่อคู่ต่อสู้ในสนาม จนก่อให้เกิดเรื่องบานปลายทั้งในสนาม...นอกสนาม

ก่อให้เกิดการกระทำที่เสียหายทั้งต่อตัวบุคคล สิ่งของที่อยู่ใกล้เคียงจนได้ชื่อว่า “นักกีฬาอันธพาล” หนักหนาถึงขั้นบางรายถูกขึ้นบัญชีแดงมิให้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งถัดไป นี่คือ “ผลดี” และ “ผลเสีย” ของการเคารพกฎกติกาและไม่เคารพกฎกติกาที่เกิดขึ้นมา

“กีฬาจึงเป็นได้ทั้งยาวิเศษหรือยาผีเปรต เมื่อบุคคลนำไปใช้แล้วรักษากติกาและไม่รักษากติกา”

“ฟุตบอลโลกฟีเวอร์” ปีนี้สร้างความสุขให้กับผู้คนของโลกรวมถึงชาวไทย นับได้ว่าเป็นความสุขหลังจากที่คนทั่วโลกต่างใช้ชีวิตได้รับความทุกข์มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายไป...การกีฬาจึงเป็นเสมือนตัวเชื่อมประสานในหลายๆมิติ

...เชื่อมความสัมพันธ์ของความเป็นมนุษย์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น มีความเป็นพี่เป็นเพื่อนเป็นสายเลือดเดียวกันมากขึ้นทั้งๆที่อยู่ต่างแดน ได้สร้างให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น ได้ก่อให้เกิดความสุขของคนในโลกนี้มากขึ้น...ได้สร้างความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันมากขึ้น ในที่สุดย่อมนำไปสู่ความสันติความร่มเย็น

พระมหาสมัย บอกอีกว่า การแข่งขันทุกชนิดย่อมมีการลงทุนและสนับสนุน ย่อมมีการฝึกปรือนักกีฬาของตนเองให้มีกำลังความรู้ ความสามารถพร้อมที่จะลงแข่งขันต่อสู้อย่างสมบูรณ์ เมื่อลงสนามการแข่งขันแล้วคนที่แข็งแกร่ง คนที่มีความสามารถมากกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ นำมาซึ่งรางวัลแห่งผู้ชนะ

ส่วนผู้เข้าชมหรือผู้ชมนอกสนามนั้นก็ย่อมมีการลุ้นว่าคนที่ตนเองเชียร์หรือทีมที่ตนเองชื่นชอบน่าจะเป็นผู้ชนะ จึงมีการเดิมพันด้วย “การพนัน” สุดท้ายก็จบลงด้วยการ “เล่นการพนัน”...ผิดกฎหมาย

จากกิจกรรมฝ่ายบวกได้กลับกลายมาเป็นกิจกรรมฝ่ายลบ กีฬากับการพนันจึงกลายเป็นของคู่กันมาโดยตลอดจนยากที่จะป้องกัน แก้ไขได้ นอกจาก “จิตสำนึก” ของแต่ละคน

“ทุกคนต่างอยากจะเห็นนักกีฬาของชาติไทยไปปรากฏตัว...ลงแข่งขันในระดับโลก ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่เพียงใดก็ล้วนอยู่ที่ความตั้งใจ การทุ่มเทของผู้คนในสังคมวันนี้ ถึงแม้ว่าฝันจะไกลเกินเอื้อมมือถึง แต่ก็มิใช่จะไม่มีหนทางเลยทีเดียวเพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่มีหยุดนิ่งใดๆทั้งสิ้น”

เพียงแต่ว่า...จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ “ดี” หรือทางที่ “เลว” เท่านั้นเอง

...

ที่ผ่านมาเราได้พบเห็นและชื่นชมนักกีฬาของไทยบางคนไปปรากฏตัวลงต่อสู้จนได้แชมป์อันดับหนึ่งหรือตัวเลขเพียงตัวเดียวมามากแล้ว แต่เรายังไม่พบว่านักกีฬาที่เป็น “ทีม” ได้ผงาดอยู่บนเวทีโลก จึงขอให้ร่วมมือร่วมกันเริ่มต้นที่ “เด็กและเยาวชน” เป็นสำคัญ วันข้างหน้าคงจะไม่นานเกินรอความสุขที่เราจะได้รับ...

ความสำเร็จของนักกีฬา “ทีมชาติไทย” บนเวทีโลก

อาตมาตอกย้ำอยู่เสมอๆเมื่อมีโอกาสว่า “เด็ก” คืออนาคตของชาติเด็กถูกเลี้ยงดู อบรมบ่มนิสัย ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ได้รับการศึกษาที่ดี อยู่ในสังคม สิ่งแวดล้อมที่ดี อยู่ในครอบครัว...สังคมที่เปี่ยมไปด้วย “ความรักความอบอุ่น” มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ในสังคมไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแล้วไซร้

....ย่อมจะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นเยาวชน เป็นพลเมืองที่ดี...มีคุณภาพให้กับสังคมและชาติบ้านเมืองอย่างแน่นอน พวกเขาจะมีทัศนคติ ค่านิยม รักอาชีพหน้าที่การงานด้านใดก็คงจะไม่ยากนักเพราะทุกอย่างเต็มเปี่ยมมาด้วยความรัก ความสุข รวมถึงด้านการกีฬาที่จะติดตัวพวกเขามาด้วย

เมื่อพวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมกีฬาด้านใดก็ย่อมจะมีโอกาสรัก ชอบกีฬาด้านนั้นอย่างที่ไม่ต้องสงสัย กีฬาได้สร้างให้ผู้คนในชาติมีสุขภาพที่แข็งแรง กีฬาได้สร้างให้คนเรามีระเบียบวินัย มีกติกาที่ดีร่วมกันในสังคม กีฬาสร้างความสมัครสมานสามัคคีของผู้คนในชาติ...ในสังคม กีฬาก่อให้เกิดความสุขของผู้คนในสังคม

การที่จะช่วยกันสร้างนักกีฬาให้มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จในอาชีพนักกีฬาก็จะต้องเริ่มต้นที่ “เด็ก”

...

การแข่งขันฟุตบอลโลกเราได้พบเห็น “ความน่ารัก” ของผู้เข้าแข่งขัน... ผู้เข้าชมมาแล้ว อย่างเช่น ผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลบางประเทศ เมื่อจบการแข่งขันแล้วผู้เข้าชมของชาตินั้นต่างช่วยกันเก็บขยะในสนามการแข่งขันอย่างน่าชื่นใจ บางทีสิ่งเล็กๆน้อยๆก็สามารถกลายเป็น “ตัวอย่างที่ดี” ได้เช่นเดียวกัน

อีกตัวอย่างหนึ่งคือเราเคยได้ยินว่ามีนักแสดงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยคือ “หมอลำ” บางคณะ เมื่อการแสดงจบลงไปแล้ว หมอลำ คณะนั้นต่างช่วยกันเก็บกวาดขยะที่มีเกลื่อนกลาดในบริเวณงานจนหมดเกลี้ยง แทนที่จะเป็นภาระของเจ้าภาพจัดงาน นี่ก็เป็น “ตัวอย่างที่ดี” ที่สมควรยกย่อง

“ความดีที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มีค่าต่อสังคมอย่างมาก ดังนั้นตัวอย่างที่ดีเช่นนี้ก็ไม่ควรมองข้ามสำหรับการอบรมบ่มนิสัยสั่งสอนลูกหลานของเราและขอให้พวกเราจงทำเป็นตัวอย่างที่ดีแก่พวกเขาเถิด”

“ยาวิเศษ” คือยาที่มนุษย์ช่วยกันสร้างขึ้นมาจากการจัดแข่งขันกีฬาแล้วเกิดความรัก ความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านกีฬา การอยู่ร่วมกันในสังคม ยาวิเศษนี้จะมีอยู่ต่อไปในสังคมเราหรือไม่ก็อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันกระทำต่อไป

“กีฬา...ยิ่งวิเศษขึ้นมากเท่าใด การรักษาหรือกำจัดโรคร้ายคือกิเลสก็จะเห็นผลทันตาตามมามากเท่านั้น คนเราถ้ามีความโลภ ความโกรธ ความหลงน้อยก็จะใช้ชีวิตที่มีแต่ปกติสุข ร่มเย็น”.