เหยื่อแห่แจ้งความกองปราบฯ โวยถูกหลอกขาย กล้วยด่างพันธุ์แดงอินโดจากเพจเฟซบุ๊ก “สมใจ ไม้ด่าง” ดูน่าเชื่อถือเพราะโพสต์ขั้นตอนการปลูกอย่างละเอียด รวมทั้งบอกขาย ต้นอ่อนจำนวนมาก เหยื่อหลงเชื่อสั่งซื้อต้นอ่อนไปเลี้ยง เพื่อนำไปขายต่อ รวมความเสียหายเบื้องต้น 4 ล้านบาท เมื่อเอาไปตรวจเนื้อเยื่อในห้องแล็บถึงกับช็อก เพราะเป็นแค่ต้นกล้วยพันธุ์ไทย ติดต่อไปสอบถามรีบปิดเพจหนี
วงการไม้ด่างปั่นป่วน เหยื่อถูกหลอกขายกล้วยด่างพันธุ์แดงอินโดจำนวนมากรายนี้ เปิดเผยขึ้นที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ก.ค. นายฐิติวัฒน์ เติมชัยธนะโชติ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทเอกชน พร้อมผู้เสียหายรวม 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธนบดี ดวงจิตต์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดนายนภดล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ข้อหาฉ้อโกง หลังจากหลอกขายกล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด มูลค่าความเสียหายรวม 4 ล้านบาท
นายฐิติวัฒน์กล่าวว่า รู้จักกับนายนภดล ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ สมใจ ไม้ด่าง เป็นบัญชีเปิดใหม่เริ่มขายต้นกล้วยด่างเมื่อเดือน มิ.ย. แต่โชว์รูปภาพขั้นตอนการปลูก การดูแล ไปจนถึงการขายจำนวนมาก ประกอบกับที่พักเปิดเป็นหน้าร้านสามารถนัดหมายรับต้นไม้ได้ ราคาขายต้นอ่อนราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5 พันบาท ไปจนถึงหลักแสนบาท ตนตัดสินใจสั่งซื้อต้นอ่อนไปหลายต้นรวมราคา 150,000 บาทเพื่อนำไปขายต่อ
“ต่อมาวันที่ 15 ก.ค. มีคนในกลุ่มนำต้นอ่อนไปตรวจเนื้อเยื่อที่ห้องแล็บกลับพบว่า เป็นต้นกล้วยพันธุ์ทั่วไป เมื่อโพสต์ประจานปรากฎว่าเฟซบุ๊กสมใจ ไม้ด่าง ได้ปิดตัวไป จึงคิดว่าถูกหลอกเลยรวมตัวกันมาแจ้งความร้องทุกข์ได้เพียง 10 คน มูลค่ารวมกันประมาณ 4 ล้านบาท แต่คิดว่ายังมีผู้เสียหายรายอื่นอีกจำนวนมากที่ไม่สะดวกมาในวันนี้ ทั้งนี้โดยปกติต้นกล้วยอ่อนจะออกใบแดงหลัง 3 เดือนขึ้นไป จึงยังไม่เห็นสีของใบตอนเล็กๆ” นายฐิติวัฒน์กล่าว
...
ด้าน ร.ต.อ.ธนบดี ดวงจิตต์ กล่าวว่า รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าผู้เสียหายทั้งหมดถูกฉ้อโกงในพื้นที่ สน.อุดมสุข พื้นที่เดียว การก่อเหตุไม่ได้ซับซ้อน รวมทั้งมูลค่าความเสียหายขณะนี้ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์กองบังคับการปราบปราม จึงทำความเข้าใจกับผู้เสียหายและแนะนำให้รวมตัวกันไปแจ้งความที่ สน.อุดมสุข หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้ไม้ด่างสายพันธุ์ต่างๆกำลังเป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก มีการซื้อขายปั่นราคากันตามช่องทางต่างๆต้นละหลักหมื่น หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านบาท ประชาชนทั่วไปควรระมัดระวังมิจฉาชีพแฝงตัวนำของปลอมมาหลอกขายด้วย