หวิดปะทะ เครือข่ายกะเหรี่ยงบุกกระทรวงทรัพยากรฯ ทวงความ เป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คืน ขอพบ “รมว.ท็อป” แต่ไร้เงา มีตัวแทนมารับหนังสือ อ้างเจ้ากระทรวงติดภารกิจต่างจังหวัด ชาวบ้านแขวนป้าย “Save บางกลอย” และ “ชาติพันธุ์ก็คือคน” เจอตำรวจเข้ายื้อแย่งชุลมุน จ่อขู่ยกระดับกดดันหน้าทำเนียบฯ 15 ก.พ.นี้ หัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจานแจงไม่ได้ปิดกั้นส่งเสบียงให้กะเหรี่ยงใน “ใจแผ่นดิน” เผยเหลือแค่ผู้หญิงและเด็กแค่ 20 คน ขณะที่เครือข่ายชาวเพชรบุรีออกโรงต้านไม่ให้กลับไปบางกลอยอีก

ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ก.พ. กลุ่มประชาชนในนาม “ผู้รักความเป็นธรรมและภาคี #Saveบางกลอย” เดินทางมาขอพบนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อยื่นหนังสือให้เร่งคืนความเป็นธรรมให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กลับไปอาศัยในพื้นที่ “ใจแผ่นดิน” เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

นายธัชพงศ์ แกดำ ผู้แทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรี ไม่ใช่การชุมนุม การคุกคามในพื้นที่ชุมชนบ้านบางกลอยมีอย่างต่อเนื่อง มีการพยายามบังคับใช้กฎหมายกับชาวบ้าน พยายามปล่อยภาพผ่านสื่อบางสื่อที่ผลิตซ้ำวาทกรรมกดทับชาวบ้าน และบิดเบือนข้อเท็จจริง นายวราวุธต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเข้ามาเป็นเจ้ากระทรวงเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการแสดงท่าทีใดๆที่แสดงให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง กรณีบางกลอยจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่านายวราวุธเห็นชาติพันธุ์เป็นคนเหมือนกันหรือไม่ เห็นพวกเขาเป็นคนไทยหรือเปล่า

นายประยงค์ ดอกลำใย ผู้แทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา รมว.ทรัพยากรฯ ทำเพียงมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแก้ปัญหาแบบยึดกรอบกฎหมายเป็นหลัก ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่บรรลุผล ถ้าคณะทำงานที่ประชุมวันนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ จำเป็นต้องให้รัฐมนตรีมาเป็นประธานด้วยตนเองเรื่องบางกลอยเป็นที่สนใจของสังคม สัปดาห์หน้า ข้าหลวงใหญ่องค์การสหประชาชาติจะลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 2 ชุด ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศที่ติดตามการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่มชาวบ้านเดินเข้าไปในกระทรวง ทส. ตำรวจที่มารักษาการณ์ได้ปิดประตูรั้วไม่ให้กลุ่มชาวบ้านเข้าไป และขัดขวางไม่ให้ติดป้าย “Save บางกลอย” และ “ชาติพันธุ์ก็คือคน” บริเวณหน้ากระทรวง ทำให้เกิดยื้อแย่งป้ายกันไปมา ชาวบ้านได้ตะโกนว่า “อย่าจับประชาชน” และ “ให้ปล่อยเพื่อนเรา” ขณะเดียวกันมี 1 ในผู้ชุมชนได้ปัดหมวก พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ ทำให้เจ้าตัวโมโหวิ่งไล่จับผู้ชุมนุมคนดังกล่าวจนเกิดชุลมุนพักใหญ่ กระทั่งตำรวจยอมล่าถอยเพราะไม่ต้องการปะทะกับชาวบ้าน เกรงเกิดเหตุบานปลาย แต่ขอความร่วมมือไม่ให้ติดป้ายอีก ต่อมานายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ทส. ออกมาพบกับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมกล่าวว่านายวราวุธรับทราบเรื่องร้องเรียนแล้ว แต่ติดภารกิจที่ต่างจังหวัดมาพบกับชาวบ้านไม่ได้ ทส.ยืนยันจะสรุปเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

จากนั้นนายเฉลิมชัย วัดจัง ตัวแทนกลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน ได้อ่านแถลงการณ์ประณาม รมว.ทส. ที่ไม่ยอมแก้ปัญหา พร้อมประกาศยกระดับการเคลื่อนไหวของประชาชน กดดันผู้มีอำนาจตัดสินใจให้แก้ไขปัญหา ขอให้ประชาชนผู้เดือดร้อน รักความเป็นธรรม มาร่วมชุมนุมกดดันรัฐบาลหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 15 ก.พ.นี้ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา จนนำไปสู่การสนับสนุนให้พี่น้องบางกลอยได้กลับไปทำกินตามวิถีชีวิตที่ใจแผ่นดิน ที่ดินบรรพบุรุษ

ด้านนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจาน กล่าวว่า กะเหรี่ยงบางกลอยที่ขึ้นไปยังใจแผ่นดินแล้วราว 40 คน ได้เจรจาเพื่อขอให้ลงจาก พื้นที่ มีบางส่วนยอมลงมา ขณะนี้เหลือเพียง 20 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผู้บริหารอุทยานฯแจ้งว่าให้ดำเนินการอย่างละมุนละม่อม อย่าใช้ความรุนแรง หากชาวบ้านยังไม่ยอมลงมา ต้องแจ้งกรมอุทยานฯ ก่อนจะดำเนินการใดๆ ส่วนประเด็นที่อ้างว่าอุทยานฯ ห้ามส่งน้ำส่งเสบียงให้ชาวกะเหรี่ยงที่กลับเข้าไปใจแผ่นดิน ไม่เป็นความจริง แต่เนื่องจากมีบางส่วนที่อ้างจะขึ้นไปส่งเสบียง เมื่อมาถึงด่านตรวจเจ้าหน้าที่ได้ห้ามไว้เพราะไม่ได้ขออนุญาตตามกฎระเบียบอุทยานฯ อีกทั้งไม่เห็นเสบียงอาหารที่อ้างว่าจะนำขึ้นไป นอกจากนี้ บริเวณดังกล่าวเป็นชายแดนไทย-เมียนมา ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

วันเดียวกัน ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี เครือข่าย อสม.จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มคนเพชรรักษ์ป่า และกลุ่มคนรักเขากระทิง ร่วมกัน ยื่นหนังสือต่อ ผวจ.เพชรบุรี เรื่องขอให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มที่บุกรุกผืนป่า รวมทั้งตัวการผู้ยุยงสนับสนุน บิดเบือนคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเรื่องชุมชนดั้งเดิมของชาติพันธุ์ และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสี่ยงภัย เพื่อรักษาทรัพยากรของชาติอันเป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ