ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า จากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายที่จะเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โดยใช้ความเร็วในการเดินรถ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมกรุงเทพฯกับพื้นที่อีอีซี ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที ซึ่งน้อยกว่าการขับรถยนต์ส่วนตัวราว 2 ถึง 2.5 เท่า เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินทาง สนับสนุนให้ประชาชนได้เข้าถึงระบบขนส่งทางราง เพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ลดปัญหาความหนาแน่นด้านการจราจร และเชื่อมโยงการศึกษา ชุมชน สิ่งแวดล้อม ระหว่างสังคมเข้าด้วยกันนั้น จากการศึกษาโครงการดังกล่าวพบว่า แนวเส้นทางการเดินรถตลอดเส้นทางรวมระยะทาง 220 กม. ประกอบไปด้วยสถานีรถไฟความเร็วสูงจำนวน 9 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ สถานีชลบุรี สถานีพัทยา และสถานีอู่ตะเภา แต่ไม่ปรากฏการก่อสร้างสถานีในพื้นที่เขตลาดกระบัง

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะในการจัดตั้งสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงในเขต “พระจอมเกล้าลาดกระบัง” ที่จะอยู่ระหว่างสถานีสุวรรณภูมิ และสถานีฉะเชิงเทรา จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งทางรางให้แก่ประชาชน ตลอดจนนำพาโอกาสมาสู่ชุมชนบริเวณดังกล่าว ประชาชนในเขตลาดกระบังและพื้นที่ใกล้เคียงกว่าแสนคน จำเป็นจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด

ศ.ดร.สุชัชวีร์กล่าวว่า การจัดสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง “พระจอมเกล้าลาดกระบัง” จะนำประโยชน์อันมหาศาลมาสู่สถานศึกษา ชุมชน และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งจะมีโอกาสเข้าถึงการเชื่อมต่อกับนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆในภาคตะวันออก เป็นการสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ และครบวงจร (Industrial link) ซึ่งจะมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนคน โดยสถานีหัวตะเข้ ถือเป็นกรณีศึกษาของสถานีที่มีความพร้อม
ที่จะถูกพัฒนาเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง เนื่องจากเป็นสถานีที่มีพื้นที่กว้าง เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง สามารถเข้าถึงได้ทางถนนและทางเรือ คลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งหากการจัดตั้งสถานีรถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นในพื้นที่นี้ จะเป็นการเชื่อมโยงกับพื้นที่แห่งอนาคตที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง พระจอมเกล้าลาดกระบัง นิคมอุตสาหกรรม และชุมชนดั้งเดิมเข้าด้วยกัน.

...