พวกอัญชะลีเจอคนละ 1 ปี คดีบุกช่อง 11 ได้ประกันตัว

ศาลอาญาสั่งคุกแกนนำ พธม. กราวรูด 5 คน “สมเกียรติ” แกนนำโดน 2 ปี “อัญชะลี-ดร.ภูวดล-ยุทธิยง-น้องชายสนธิ” โดนคนละ 1 ปีไม่รอลงอาญา ให้ประกันด้วยหลักทรัพย์วงเงิน 2-3 แสนบาท คดีบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเมื่อปี 2551 “อัญชะลี” เปิดใจ ทำใจยอมรับคำตัดสิน “สนธิ ลิ้มทองกุล” ให้กำลังใจตลอด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ศาลตัดสินคดีแกนนำ พธม.บุกสถานีโทรทัศน์บีทีเอส เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ร่วมกันเป็นจำเลย 1-5 ความผิดฐานร่วมกันบุกรุก มั่วสุม สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง อั้งยี่ซ่องโจรฯ กรณีร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ช่วงการชุมนุมของ พธม.ขับไล่รัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25-26 ส.ค.2551 จำเลยทั้ง 5 กับพวก 85 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษแล้ว ร่วมกันกระทำความผิดเป็นซ่องโจร มั่วสุม ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ร่วมกันเดินขบวนในถนน สาธารณะจากสะพานมัฆวานรังสรรค์และจากที่อื่นๆ โดยมีอาวุธปืน มีด ขวาน ไม้กอล์ฟ ไม้ท่อน หนังสติ๊ก และลูกเหล็ก แล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานีเอ็นบีที ทุบทำลายประตูหน้าต่าง ตัดสายไฟฟ้าตู้ควบคุมระบบไฟ ระบบโทรศัพท์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบกล้องวงจรปิด ทำลายระบบส่งสัญญาณการออกอากาศวิทยุโทรทัศน์ และร่วมกันข่มขืนใจพนักงานไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ออกอากาศและกระจายเสียง และสั่งให้ออกไปจากสถานี จำเลยทั้ง 5 เป็นหัวหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการกระทำความผิด จำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธ

...

ก่อนฟังคำพิพากษา น.ส.อัญชะลีกล่าวว่า คดีนี้อัยการฟ้องเพิ่มกลุ่มตน 5 คนภายหลังเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ส่วนรายละเอียดคดีให้ทีมทนายดำเนินการทั้งหมด ทั้งเอกสาร พยานสู้คดี รวมถึงหลักทรัพย์ประกันตัวตนไม่ทราบรายละเอียด ที่ผ่านมานายสนธิ ลิ้มทองกุล ติดต่อให้กำลังใจมาตลอด บอกว่า อะไรเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้ ทำให้พร้อมยอมรับผลคำพิพากษา

ศาลพิพากษาใจความว่า พิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานตามที่คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายนำสืบเห็นว่า โจทก์มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัย ผอ.สถานีเอ็นบีที และช่างภาพสถานีเอ็นบีทีเบิกความว่า วันที่ 25 ส.ค.51 แกนนำ พธม.ประกาศว่า วันที่ 26 ส.ค.51 จะบุกสถานีเอ็นบีที กระทั่งเวลา 05.00 น. มีกลุ่มนักรบศรีวิชัยการ์ดกลุ่ม พธม.บุกเข้าไปในอาคารสถานีเอ็นบีที ก่อนตำรวจจับกุมได้ 85 คน กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยมาที่หน้าประตูทางเข้าออกหน้าสถานี มีรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงเป็นเวทีปราศรัย เคลื่อนที่ พูดโจมตีรัฐบาลและเอ็นบีทีว่า เป็นกระบอก เสียงของรัฐบาล ต้องการยึดเอ็นบีทีให้จอดำและเชื่อมสัญญาณออกอากาศเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของกลุ่มพธม. พยานยืนยันว่า จำเลยทั้ง 5 อยู่บนรถมีภาพเป็นหลักฐาน จากนั้นกลุ่ม พธม.พังประตูรั้วเหล็กฝ่าแนวกั้นตำรวจบุกรุกเข้าไปในบริเวณพื้นที่และอาคารยึดพื้นที่สถานี กระทั่งเวลา 17.00 น. จึงออกจากพื้นที่ดังกล่าว

เห็นว่าจำเลยทั้ง 5 มีความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร โจทก์ยังไม่มีพยานหลักฐานว่า จำเลยทั้ง 5 กับพวกและกลุ่มนักรบศรีวิชัยสมคบกันร่วมประชุมวางแผนกัน จึงลงโทษความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรไม่ได้ จำเลยที่ 1 เป็นแกนนำของกลุ่ม พธม. ร่วมสมคบคิดบุกยึดเอ็นบีที ขึ้นเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯร่วมประกาศภารกิจ เดินทางไปในลักษณะกำกับดูแล เป็นหัวหน้าเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ สำหรับจำเลยที่ 2-5 พยานหลักฐานยังไม่ชัดว่าเป็นหัวหน้าหรือมีหน้าที่สั่งการบุกยึด การกระทำของจำเลยทั้ง 5 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทพิพากษาลงโทษบทหนักสุด ฐานร่วมกันบุกรุก ในเวลากลางคืน จำคุกจำเลยที่ 1 นายสมเกียรติ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-5 น.ส.อัญชะลี นายภูวดล นาย
ยุทธิยง และนายชิติพัทธ์ จำคุกคนละ 1 ปีไม่รอลงอาญา

ต่อมาทนายจำเลยทั้ง 5 คน ยื่นคำร้องพร้อม หลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ใช้โฉนดที่ดินยื่นประกันวงเงิน 300,000 บาท ส่วน น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ใช้หลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 5 คนโดยไม่กำหนดเงื่อนไข