พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน และทรงฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกัน “โป๊ป” ประทานสุนทรพจน์ในพิธีต้อนรับที่รัฐบาลไทยจัดอย่างสมพระเกียรติ ที่ทำเนียบฯ ยินดีไทยผ่านการเลือกตั้ง นับเป็นก้าวสำคัญกลับสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และทรงชื่นชมรัฐบาลไทยที่ทำงานเรื่องการแก้ไขปัญหาเด็กและสตรี รวมถึงผู้อพยพถิ่นฐานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทรงยืนยันชาวคาทอลิกพร้อมสนับสนุนอัตลักษณ์ความเป็นไทยตามที่ปรากฏในเพลงชาติ ขณะที่ชาวพุทธและชาวคาทอลิกสุดปลื้มปีติในวันประวัติศาสตร์ พระสันตะปาปาเข้าพบสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดราชบพิธฯ มีพระปฏิสันถารร่วมกันกระชับสายสัมพันธ์ของผู้นำสองศาสนาในไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ชาวคริสต์นับหมื่นร่วมพิธีมิสซาที่สนามศุภชลาศัยที่จัดอย่างยิ่งใหญ่

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงปฏิบัติภารกิจในการเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. เริ่มจากภารกิจแรกที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 21 พ.ย. โดยเมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในโอกาสเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการโอกาสนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จขึ้นแท่นรับความเคารพที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า แล้วเสด็จมายังตึกสันติไมตรี ประทานสุนทรพจน์แก่คณะรัฐมนตรี ส.ส. คณะทูตานุทูต

...

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต้อนรับว่า ในนามของ รัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยรู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสรับเสด็จ นอกจากปีนี้จะตรงกับวาระครบรอบ 350 ปี ของการจัดตั้งคณะมิสซังคาทอลิกแห่งสยามแล้ว ยังเป็นวาระแห่งการครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกัน ขอชื่นชมในพระกรณียกิจที่น่ายกย่องของฝ่าพระบาทที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีปรองดองระหว่างมนุษยชาติ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การขจัดความยากจน ส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพให้บังเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก รัฐบาลไทยดำเนินการในประเด็นต่างๆเหล่านี้เช่นเดียวกัน พร้อมน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องดังกล่าว เป็นแนวทางในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

จากนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวสุนทรพจน์ว่า ขอขอบคุณในการต้อนรับสำหรับการเยือนแผ่นดินไทยอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและยังคงรักษามรดกทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม พร้อมยืนยันถึงความปรารถนาดีที่มีต่อไทยและรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและขอแสดงความระลึกอย่างสูงต่อพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้งขอแสดงความยินดีที่ไทยได้ผ่านการเลือกตั้งอันเป็นก้าวสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวอีกว่า ชาวคาทอลิกจะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการสนับสนุนอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ที่ปรากฏในเพลงชาติคือ รักสามัคคี รักสงบและไม่ขลาด แผ่นดินไทยคือแผ่นดินแห่งอิสรภาพ ในประเด็นการเคลื่อนไหวของผู้ย้ายถิ่น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การอพยพย้ายถิ่นฐาน แต่อยู่ที่สถานการณ์ที่เป็นสาเหตุ ถือเป็นปัญหาทางด้านจริยธรรมที่สำคัญยิ่ง ในยุคสมัยของเรา ไทยเคยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงว่าเป็นประเทศที่ต้อนรับผู้อพยพ โดยเฉพาะบรรดาผู้หลบหนีอย่างน่าเศร้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ประชาคมระหว่างประเทศ ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาที่ผลักดันให้ประชาชนต้องหลบหนีออกจากประเทศของตน และส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกประเทศจะจัดตั้งกลไกที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของบรรดาผู้ย้ายถิ่นและผู้อพยพ ขอชื่นชมรัฐบาลไทย รวมทั้งบุคคลและองค์กรที่ได้ทำงานแก้ไขปัญหานี้และแก้ไขปัญหาเด็กและสตรีอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ปีนี้เป็นปีแห่งการครบรอบ 30 ปีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เป็นโอกาสดีสำหรับเราในการที่จะไตร่ตรองและดำเนินการด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ขอพระพรอันไพบูลย์จากพระเจ้าทรงนำท่านและครอบครัวของท่าน ไปในหนทางแห่งปัญญา ความยุติธรรมและสันติสุข

ต่อมาเวลา 09.58 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีคริสต์ศาสนิกชนชาวไทยมารอเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญเป็นภาษาละติน สมเด็จพระสังฆราชมีพระดำรัสต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ว่า ในนามคณะสงฆ์ไทยขอถวายอนุโมทนาสาธุการในโอกาสที่พระองค์เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ที่พระอุโบสถวัดราชบพิธฯ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ทรงรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอลที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประมุขศาสนจักรโรมันคาทอลิก เสด็จมาทรงเยี่ยมประมุขแห่งพุทธจักรไทย ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของอาตมภาพ ที่มีโอกาสได้เฝ้าอยู่ในการดังกล่าวด้วย

...

สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระดำรัสอีกว่า ขอถวายพระพรให้ทรงทราบว่าใต้ฐานพระพุทธอังคีรส ยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เคยเสด็จฯไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ผู้เคยเสด็จฯไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาปิโอที่ 11 เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้เคยเสด็จฯไปเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 และทรงเคยรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ที่เสด็จเยือนไทยเมื่อปี 2527 สถานที่แห่งนี้จึงเป็นมงคลสถานสำหรับการพบกันของเราทั้งสอง หากแต่ละพระองค์มีพระญาณวิถีใดที่จะทรงหยั่งทราบ คงจะทรงโสมนัสพระราชหฤทัยไม่น้อย ที่ได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญงอกงามแห่งพระราชไมตรี การเสด็จมาของพระองค์ จึงไม่ใช่การมาของมิตรใหม่ หากแต่เป็นการมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่ของคนไทย

ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีพระดำรัสความโดยสรุปว่า ข้าพเจ้ามีความปีติอย่างยิ่งที่ได้มาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช พระพุทธศาสนาเกื้อกูลให้เคารพต่อชีวิต ดูแลผู้อาวุโส ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำให้ผืนแผ่นดินนี้เป็นที่รู้จักในนามประเทศแห่งรอยยิ้ม การพบกันวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งความชื่นชมและปรารถนาที่จะให้การพบกันในวันนี้ เป็นการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างศาสนิกชนของเรา ขอขอบใจปวงชนชาวไทย ที่ให้โอกาสศาสนิกชนคาทอลิกเข้ามาในประเทศไทยกว่า 4 ศตวรรษที่แล้ว ข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะเน้นย้ำความตั้งใจจริงในการที่จะเสริมสร้างสันติภาพ ความผาสุกของศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า

จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประกอบด้วยพระรูปสมเด็จพระสังฆราช กรอบลายไทยถมเงิน เหรียญพระรูปสมเด็จพระสังฆราช หนังสือธรรมะ วินัยมุข และพุทธประวัติที่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ถวายเหรียญที่ระลึกแด่สมเด็จพระสังฆราช

...

เวลา 11.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ รพ.เซนต์หลุยส์ ทรงโบกพระหัตถ์ ทักท้ายคริสต์ศาสนิกชนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเฝ้ารับเสด็จตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่าน สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จไปยังอาคารหอประชุม เยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพร้อมประทานโอวาทตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีที่ได้ยิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล่าวถึงคติพจน์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ว่า “Ubi caritas, Ibi Deus est” คือ ที่ใดมีความรัก ที่นั่นพระเจ้าประทับอยู่ด้วย พวกเราได้ปฏิบัติภารกิจเมตตาธรรมที่ยิ่งใหญ่ ที่ได้ทำงานเพื่อการเยียวยารักษาคนอื่น ปีนี้โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ครบ 120 ปี มีผู้คนเรือนแสนได้รับการบรรเทาจากสถานพยาบาลนี้

เวลา 17.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จโดยรถยนต์ที่นั่งไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา ณ รถยนต์ที่นั่ง แล้วเสด็จยังห้องเฝ้า ทรงแลกเปลี่ยนของขวัญซึ่งจัดทอดถวายในห้องเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงร่วมฉายพระบรมฉายาลักษณ์กับพระสันตะปาปาและมีพระปฏิสันถาร จนได้เวลาอันสมควร สมเด็จพระสันตะปาปาทูลลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงส่งเสด็จพระสันตะปาปา ณ รถยนต์พระที่นั่ง

...

จากนั้น เวลา 18.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จมายังสนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ทรงประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีมิสซา โดยมีคริสต์ศาสนิกชนเฝ้ารับเสด็จและร่วมพิธีนับหมื่นคน ระหว่างประทับรถพระที่นั่งเข้าไปในบริเวณพิธี สมเด็จพระสันตะปาปาทรงโบกพระหัตถ์ทักทายผู้เข้าร่วมพิธีตั้งแต่บริเวณสนามเทพหัสดินไปจนถึงในสนามศุภชลาศัย ในการประกอบพิธีมิสซา ทรงเทศนาเป็นภาษาสเปน ทรงนำภาวนาและปิดท้ายมหาพิธีมิสซาด้วยการแสดง “สี่ภาคพิลาสนาฏศิลป์ งามหยาดหยดรดรินถิ่นสยาม” จากนักเรียนโรงเรียนในเครือคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต เสร็จแล้วจึงเสด็จกลับที่พัก