ชุดสืบสวนนครบาลได้ภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัย ระเบิดป่วนกรุงเพิ่มเติม อีก 2 คน เชื่อว่าเป็นคน ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณ ศูนย์ราชการ ขณะเพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ถึงขนส่งหมอชิตใหม่ล่วงหน้าก่อนก่อเหตุเป็นอาทิตย์ ย่ามใจไม่ใส่หน้ากากอนามัยและหมวกแก๊ป แถมวันที่เดินทางมาถึงมีรถเก๋งของนายอาแบตัวประสานงานสำคัญขับเข้ามาที่หมอชิตใหม่ด้วย เชื่อว่ามารับกลุ่มผู้ต้องหาไปวางแผนป่วนกรุง เร่งส่งรูปประสานข้อมูลกับชุดสืบสวน บช.ภ.9 ระบุตัวให้แน่ชัด ด้านสวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความเห็นประชาชนเกี่ยวกับระเบิดกรุง ร้อยละ 76.39 ส่งผลกระทบทำให้ความเชื่อมั่นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้อยลง ร้อยละ 86.13 เห็นว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะต้องการทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย และร้อยละ 83.93 ประชาชนคิดว่าจะมีระเบิดเกิดขึ้นอีก
กรณีระเบิดป่วนเมืองหลายจุด เริ่มตั้งแต่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร้านขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และหน้าสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 คน หน่วยอีโอดีระบุระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลา รัศมีทำการประมาณ 10-15 เมตร เบื้องต้นชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 2คนได้ขณะนั่งรถทัวร์มุ่งหน้า จ.สงขลา แต่ถูกตำรวจดักจับได้ก่อนในพื้นที่ จ.ชุมพร ระบุผู้ต้องสงสัย 2คนเป็นคนเอาระเบิดไปวางที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย นายลูไอ แซแง อายุ 23 ปี และนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี จากการสืบสวนขยายผลชุดสืบสวนสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้รวม 9 คน รวมทั้งนายอาแบ หรือแบรี่ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่เป็นคนนำเอาวัตถุระเบิดที่ประกอบเสร็จแล้วไปแจกจ่ายให้มือระเบิดนำไปวางตามจุดต่างๆรวม 14 จุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ส.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเหตุระเบิดป่วนกรุงว่า ถึงขณะนี้การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ตามขั้นตอนการดำเนินการจะขยายผลหาความเชื่อมโยงจากผู้ปฏิบัติถึงผู้สั่งการ การดำเนินคดีต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ วัตถุพยานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุและจากการตรวจค้น เมื่อนำมาตรวจพิสูจน์มีความชัดเจนมากขึ้น สามารถยืนยันตัวบุคคลที่ก่อเหตุ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอีกระยะ ยืนยันทุกขั้นตอนมีความคืบหน้า ตั้งแต่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อคลี่คลายคดี หาตัวคนร้ายทั้งหมดมาลงโทษให้ได้ พร้อมกันนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นและมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น
...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากชุดสืบสวนคลี่คลายระเบิดป่วนกรุงว่า ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีตำรวจนครบาล ประสบความสำเร็จในการตรวจสอบภาพวงจรปิดได้ภาพผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดป่วนกรุงเพิ่มอีก 2 คน จากตรวจสอบกล้องวงจรปิดไล่เส้นทางคนร้าย 2 คน ที่นั่งรถแท็กซี่มาก่อเหตุวางระเบิดที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เมื่อบ่ายวันที่ 1 ส.ค. จนเจอจุดนัดพบบริเวณห้องน้ำห้างแม็คโคร สาขารังสิต จ.ปทุมธานี ใช้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังลงมือ ก่อนหลบหนีไปขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่กลับพื้นที่ภาคใต้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องน้ำดังกล่าวช่วง 14.00-16.00 น. วันที่ 1 ส.ค. พบชายต้องสงสัยเป็นทีมวางระเบิดสะพายกระเป๋า ใส่หมวก และสวมหน้ากากอนามัย มาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมด 4 คน อยู่ระหว่างเปรียบเทียบรูปพรรณสัณฐานกับกลุ่มวัยรุ่นที่เคลื่อนไหวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ชุดสืบสวน บช.ภ.9 มีอยู่
มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นชุดสืบสวนยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณขนส่งหมอชิตใหม่ ย้อนหลังไปก่อนวันที่ 1 ส.ค.ที่กลุ่มคนร้ายขึ้นมาก่อเหตุ พบว่าช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ก.ค. พบคนร้าย 2 ใน 4 ที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำห้างแม็คโคร รังสิต ลงจากรถทัวร์หลังจากเพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุหลายวัน คาดว่าคงมาวางแผนและดูลาดเลาร่วมกับนายอาแบ เนื่องจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 8 กง 4786 กรุงเทพมหานคร พาหนะที่นายอาแบใช้ขับมาที่ขนส่งหมอชิตใหม่ด้วย นอกจากนี้กล้องวงจรปิดบริเวณ รพ.ตร.ยังบันทึกภาพพบรถคันดังกล่าวได้ช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 21 ก.ค. เชื่อว่านายอาแบขับมาดูลาดเลาก่อนวางระเบิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มีรายงานอีกว่า กล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัยวางระเบิดทั้ง 2 คนได้ที่ขนส่งหมอชิตใหม่ เป็นภาพที่เห็นใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน คาดว่าทั้งคู่ยังไม่ทันระวังตัว จึงไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหมวกแก๊ป คงยังย่ามใจเปิดเผยใบหน้า เพราะไม่คิดว่าชุดสืบสวนจะไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปนานขนาดนั้น เนื่องจากระยะเวลาห่างจากวันก่อเหตุเป็นอาทิตย์ จุดสังเกตที่สำคัญที่ชุดสืบสวนมั่นใจว่า เป็นผู้ต้องสงสัย 2 คนก่อเหตุวางระเบิด เพราะทั้งคู่ถือกระเป๋าเป้แบบเดียวกัน และใส่รองเท้ายี่ห้อ รุ่น และสีเดียวกันกับภาพวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ขณะสวมหน้ากากอนามัยและหมวกไปก่อเหตุ
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจประชาชน เรื่องจากกรณีเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,220 คน ระหว่างวันที่ 6-10 ส.ค. สรุปได้ดังนี้ ประชาชนคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ร้อยละ 40.60 รู้สึกไม่ปลอดภัย กลัว วิตกกังวลว่าจะได้รับอันตราย ร้อยละ 38.03 มีผู้ไม่หวังดีอยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย ร้อยละ 23.02 น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ส่วนสาเหตุการวางระเบิด ร้อยละ 52.49 คิดว่าต้องการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ร้อยละ 36.77 มาจากความขัดแย้งเสียประโยชน์ทางการเมือง ร้อยละ 21.04 เป็นการขู่เตือนรัฐบาล ดิสเครดิตรัฐบาล ส่วนผลกระทบจากเหตุระเบิด ร้อยละ 47.06 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ร้อยละ 34.57 สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน ร้อยละ 23.74 ภาพลักษณ์ของประเทศไทยแย่ลง
ประชาชนคิดว่า เหตุการณ์ระเบิดเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ร้อยละ 86.13 ตอบว่าเกี่ยวข้อง เพราะต้องการทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ ท้าทายอำนาจกฎหมาย ส่วนร้อยละ 13.87 ตอบว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว และคำถามที่ว่า การระเบิดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ ร้อยละ 76.39 ส่งผลกระทบ ทำให้ความเชื่อมั่นน้อยลง ร้อยละ 23.61 ไม่ส่งผล ยังเชื่อมั่นเหมือนเดิม และประชาชนคิดว่าจะมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ร้อยละ 83.93 ตอบว่า น่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะอาจมีผู้ไม่หวังดีหรือมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมดูแลได้หมด ร้อยละ 16.07 คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเพียงการทำให้คนตื่นตกใจ สร้างความวุ่นวายชั่วคราว