หนุนเมียนมาแก้ปัญหายะไข่แอมเนสตี้ร้องไทยสอบสวนคดีนักข่าวญวนโดนลักพาตัว
เริ่มแล้วการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในฐานะประธานอาเซียน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดย “บิ๊กตู่” หารือ 3 ผู้นำอาเซียน พร้อมหนุนเมียนมาแก้ปัญหารัฐยะไข่ ด้าน “ดอน” เผยอาเซียนเล็งเสนอตัวจัดฟุตบอลโลก พร้อมส่งผู้ลี้ภัยกลับรัฐยะไข่โดยเร็ว ส่วนการต้อนรับเหล่าผู้นำประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น จัดเมนูอาหารไทยชาววังยุค ร.1-5 รวมถึง “ต้มยำกุ้ง-ผัดไทยมันกุ้ง” ขึ้นโต๊ะ โดยของที่ระลึกผู้ร่วมงาน เน้นทำจากขยะรีไซเคิล ขณะที่องค์การสิทธิมนุษยชนสากล เรียกร้องทางการไทยสอบสวนการลักพาตัวนักข่าวเวียดนามจากกรุงเทพฯ ส่งกลับไปบ้านเกิด ถือเป็นการละเมิดกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ไทยที่มีเอี่ยวลักพาตัว
ที่โรงแรมดิ แอทธินี ถนนวิทยุ กทม. เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย.นี้ว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้เป็นการประชุมภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติผ่านความร่วมมือ และความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับมิตรประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ ขณะที่บรรยากาศโดยรอบมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทุกจุด ทั้งในส่วนของโรงแรมดิ แอทธินี ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุม และโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ ซึ่งใช้เป็นศูนย์สื่อมวลชน โดยปิดถนนวิทยุตั้งแต่แยกเพลินจิตถึงแยกสารสินตั้งแต่เวลา 06.00 น. อนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและสื่อต่างประเทศมาติดตามทำข่าวจำนวนมาก
...
สำหรับการประชุมในช่วงเช้า มีทั้งการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษ การประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน และการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน จากนั้นช่วงบ่ายจะหารือหลายเวทีที่มีผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม อาทิ การหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับสมัชชารัฐสภาอาเซียน การหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน และการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน และเวลา 17.00 น. มีพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 แบบเต็มคณะ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ร่วมด้วย ดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน จากนั้นรัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ สำหรับผู้นำอาเซียนและเลขาธิการอาเซียน ที่คริสตัล ฮอลล์ โรงแรมดิ แอทธินี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน โดยมีเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วม (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting-AMM) เพื่อเตรียมการก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องร่วมกันตามที่สมาคมฟุตบอลของบรรดาชาติสมาชิกเห็นพ้องร่วมกัน ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในนามอาเซียนอีก 15 ปีหลังจากนี้ โดยเรื่องนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่34 พิจารณาและให้ความเห็นชอบในวันที่ 23 มิ.ย. ก่อนนำไปสู่กระบวนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการ
แข่งขันฟุตบอลโลกต่อไป
นายดอนยังกล่าวถึงการส่งตัวผู้ลี้ภัยจากยะไข่ออกนอกประเทศว่า เป็นสิทธิของเมียนมาและบังกลาเทศในการตกลงเรื่องนี้ร่วมกัน ทั้งเรื่องการคัดกรอง การส่งกลับ และกำหนดเวลา ตลอดจนจำนวนผู้ลี้ภัยที่จะส่งกลับ ทั้งนี้อาเซียนได้ส่งทีมหน่วยงานด้านมนุษยธรรมของอาเซียน (AHA center) ลงสำรวจพื้นที่พบว่าเมียนมามีความพร้อมมากขึ้น ทั้งเรื่องความปลอดภัยของผู้ลี้ภัย การยอมรับสถานะในสังคม โดยที่ประชุมได้รับทราบจากเมียนมาว่า เมียนมาเตรียมจะออกเอกสารแสดงตัวตนให้กับผู้ลี้ภัยชาวรัฐยะไข่ และยืนยันความปลอดภัยในพื้นที่ โดยกระบวนการเจรจาหารือส่งผู้ลี้ภัยกลับจะเกิดขึ้นในปีนี้ และทำการส่งตัวกลับโดยเร็วที่สุด โดยอาเซียนจะพยายามช่วยดูแลส่งเสริมให้กระบวนการส่งผู้ลี้ภัยกลับรัฐยะไข่เกิดขึ้นจริงโดยเร็ว
ต่อมา พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน หรือ ASEAN Summit ครั้งที่ 34 ว่า ตลอดช่วงเช้ามีวาระประชุมสำคัญ อาทิ การประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน เพื่อผลักดันความร่วมมือฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารอาเซียน การรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน และเวทีผู้นำอาเซียนและผู้แทนเยาวชนจากชาติสมาชิกอาเซียน จากนั้นประชุมแบบเต็มคณะในช่วงบ่าย โดยนายกฯไทยจะนำผลลัพธ์จากเวทีอาเซียน ไปนำเสนอต่อที่ประชุมกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ หรือจี 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ด้วย
พล.ท.วีรชนยังกล่าวถึงรายละเอียดการจัดประชุมในครั้งนี้ เน้นรูปแบบการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยของที่ระลึกแจกให้กับผู้นำ ผู้แทน และสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ เป็นสิ่งของที่รีไซเคิลจากขยะพลาสติกและขยะชนิดต่างๆ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ บนหลักการ 3Rs คือ Reduce ลดการใช้วัสดุสิ่งของที่จะกลายเป็นขยะ Reuse การใช้วัสดุสิ่งของที่สามารถใช้งานหลายครั้ง และ Recycle หรือ Upcycle การนำวัสดุสิ่งของที่จะเป็นขยะมารีไซเคิลใช้ประโยชน์ เช่น สมุดโน้ต กระเป๋าใส่ปากกาดินสอ ขณะที่ช่วงงานเลี้ยงอาหารค่ำ เน้นนำเสนอความเป็นไทยด้วยการเสิร์ฟอาหารไทย ภายใต้ชื่องานเลี้ยง “มาลัยไนท์” ด้วยเมนูอาหารหลากหลาย เช่น ช่อม่วง กระทงทอง เมี่ยงบัวหลวง ส่วนอาหารหลัก อาทิ มัสมั่นไทย น้ำพริกลงเรือผักสด เมนูกุ้งแม่น้ำเผาที่นำเสนอน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด และเมนูซุป ต้มส้มปลาเก๋าแดง เมนูขนมไทยอย่างข้าวเหนียวมะม่วง ส่วนในวันที่ 23 มิ.ย. จะนำเสนออาหารจีนผสมผสานความเป็นไทย เช่น ผัดไทยมันกุ้ง และเมนูขึ้นชื่อของไทยอย่าง ต้มยำกุ้ง ที่อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยด้วย
...

ด้านนายมนตรี จิรฐิติกาลกิจ หัวหน้าเชฟห้องอาหารไทย ประจำโรงแรม ดิ แอทธินี กล่าวว่า อาหารไทยที่จะนำเสนอ เน้นอาหารไทยชาววังในยุครัชสมัยรัชกาลที่ 1-5 นำมาจัดประยุกต์ตกแต่งให้เข้ากับสมัยใหม่ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ อย่างใบตอง และเครื่องชามเบญจรงค์
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนฯ ในภาคบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับ 3 ผู้นำอาเซียน เริ่มด้วยการหารือกับนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยนายกฯกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีในโอกาสที่นายโจโก วิโดโด ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง และถือเป็นผู้นำชาติแรกที่โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับตน พร้อมอวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังให้กับผู้นำอินโดนีเซีย ตรงกับวันที่ 21 มิ.ย. ตามด้วยการหารือกับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกฯสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และหารือกับนางอองซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในเรื่องความร่วมมือทั้งเรื่องแรงงาน ผู้ลี้ภัย สถานการณ์รัฐยะไข่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันไทยและอาเซียนพร้อมสนับสนุนเมียนมาดำเนินการบนพื้นฐานความปลอดภัยของภูมิภาค
...
สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลังเป็นประธานประชุมสรุปภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกจราจรการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ร่วมกับ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมศปก.ตร.ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ และยกระดับการรักษาความปลอดภัยสูงสุด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับทหารเตรียมความพร้อมในจุดต่างๆ โดยรอบพื้นที่ โดยการปิดเส้นทางการจราจรถนนวิทยุ เชื่อว่าไม่กระทบต่อการสัญจรของประชาชนทั่วไปและจะไม่ทำให้การจราจรติดขัด เนื่องจากจะปิดถนนวิทยุเพียงบางช่วงในเส้นทางระหว่างที่พักไปยังสถานที่ประชุมของผู้นำแต่ละประเทศเท่านั้น ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และจะปิดเฉพาะช่วงที่ขบวนผู้นำจะเดินทางผ่าน โดยประชาชนสามารถใช้เส้นทางเลี่ยงถนนพระราม 4 และถนนเพชรบุรีแทน
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ตำรวจสันติบาล จ.สมุทรปราการ นำรถไปรับตัวนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ดเส้นทางสีแดง ถึงบ้านพักที่ จ.สมุทรปราการ โดยแจ้งว่าจะอำนวยความสะดวกพาไปส่งที่แยกเพลินจิต หลังมีการประกาศผ่านโซเชียลนัดหมายมวลชนที่สนับสนุนให้สวมเสื้อสีขาวเดินทางมาประท้วงเงียบ (Standing Silent Protest) ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เพื่อบอกกล่าวสถานการณ์การเมืองไทยหลังเลือกตั้ง ให้ผู้นำประเทศอาเซียนได้ทราบ แต่ปรากฏว่าตำรวจกลับลำไม่พาตัวไปส่งที่แยกเพลินจิต แต่นำตัวนายอนุรักษ์ไปควบคุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน กระทั่งเวลา 11.30 น. นายอนุรักษ์ ถึงได้รับการปล่อยตัว แล้วเดินทางมาที่กระทรวงการต่างประเทศ รวมตัวกับแนวร่วมอีก 9 คน ยืนชูป้ายข้อความประท้วง โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
...
ต่อมาในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 อย่างเป็นทางการว่า หวังว่าการประชุมนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันกำหนดเป้าหมายและทิศทางของอาเซียน เสริมสร้างประชาคมอาเซียนแข็งแกร่งจากภายใน ที่มีชาวอาเซียนกว่า 640 ล้านคนเป็นศูนย์กลางผ่านแนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ควรร่วมกันผลักดันต่อเนื่อง ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ 1.ส่งเสริมความมั่นคงที่ยั่งยืน 2.สร้างอาเซียนเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และ 3.ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ควรมุ่งเน้นสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ ทั้งระหว่างอาเซียนด้วยกันเองและกับภาคีภายนอก และยังต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคง โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรม ข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มีมูลค่าถึงแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การสร้างอาเซียนเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางยุทธศาสตร์ให้กับอาเซียน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนอาเซียน และการเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าของโลก ควรผลักดันสร้างดิจิทัลอาเซียน (Digital ASEAN) เพื่อรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 การพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตประจำวันของประชาชน ควรสร้างโอกาสโดยการสร้างเสริมระบบนิเวศทางดิจิทัล ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เร่งจัดทำแผนแม่บทดิจิทัลอาเซียน ค.ศ. 2025 (ASEAN Digital Masterplan 2025) ให้แล้วเสร็จ ในปีนี้ และต้องสร้างระบบความปลอดภัย ปิดช่องโหว่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้อาเซียนถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี ค.ศ.2025
วันเดียวกัน องค์การสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล กรุงลอนดอน อังกฤษ ออกแถลงในวาระการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ที่กรุงเทพฯ และประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนจนถึงสิ้นปีนี้ ขอเรียกร้องให้ทางการไทยสอบสวนเกี่ยวกับการลักพาตัวนายเจือง ซุย เญิ๊ต นักข่าวเวียดนามที่หายตัวไปตั้งแต่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ในประเทศไทย และความเกี่ยวข้องของตำรวจไทยกับการลักพาตัวนักข่าวเวียดนามโดยทางการเวียดนาม ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่ไทยรายใดเกี่ยวข้องต้องถูกนำตัวมาลงโทษ
ด้านนายนิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของตำรวจไทย ที่มีต่อเหตุการณ์ลักพาตัวที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางการเวียดนามยอมรับแล้วว่า นายเจืองถูกควบคุมตัวอยู่ที่กรุงฮานอย เวียดนาม และต้องเข้ารับการ ไต่สวนข้อหาทุจริต ทั้งนี้ หลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย ต่างแลกเปลี่ยนตัวบุคคลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองให้แก่กันและกัน ถือเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ซึ่งคุ้มครองสิทธิของผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัย
นายนิโคลัสระบุอีกว่า กรณีของนายเจืองแสดงให้เห็นว่า เหตุใดประชาคมระหว่างประเทศจึงต้องบัญญัติมาตรฐานระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัย ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนจึงควรแสดงความเป็นผู้นำในการบังคับใช้มาตรฐาน ไม่ใช่ไปละเมิดเสียเอง แอมเนสตี้เรียกร้องทางการไทยให้การลงนามและให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสถานะของผู้ลี้ภัยปี 2494 โดยกำหนดให้การส่งกลับผู้ลี้ภัยเป็นอาชญากรรม และกำหนดออกกรอบกฎหมายและระเบียบราชการที่เข้มแข็ง เพื่อคุ้มครองไม่ให้ผู้ลี้ภัยถูกส่งตัวกลับไปเผชิญการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง และอันตรายถึงชีวิตในประเทศต้นทาง