ศาลฎีกาฯสั่งไม่รอลงอาญา ปมหาว่าทุจริตสร้างโรงพัก ‘สุเทพ’ บอกถึงที่สุด-ก็จบ!

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษากลับจำคุก “ธาริต เพ็งดิษฐ์” 1 ปีไม่รอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาท “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ชนวนแถลงข่าวกล่าวหาทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ เจ้าตัวนิ่งหน้าตาเรียบเฉย เหมือนรับรู้ชะตากรรม ขณะถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวขึ้นรถตู้ส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยันแม้เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง และเป็นผู้บังคับบัญชาเก่า ก็ไม่มีสิทธิพิเศษอะไรในคุก ด้าน “สุเทพ” ไม่ขอวิจารณ์อะไรในเรื่องนี้ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วก็จบแค่นั้น

จำคุกธาริต 1 ปี คดีหมิ่นสุเทพ ปมทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตเลขาธิการ กปปส. เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

นายสุเทพยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2556 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 21 ม.ค.—4 ก.พ.2556 นายธาริต ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนกล่าวหานายสุเทพ โจทก์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำสัญญาก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งเป็นรายภาค ตามที่ สตช.เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวล–ล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จทันตามกำหนด ล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 26 มี.ค.2558 ให้ยกฟ้อง ต่อมาวันที่ 3 พ.ค.2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง โจทก์ขอฎีกาคดี

...

ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายธาริตยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอถอนคำให้การเดิม และเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพตามฟ้อง พร้อมขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกานัดนี้ออกไป 60 วัน อ้างว่าได้ขอขมาต่อนายสุเทพ ที่มีนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด รับเป็นคนกลางในการเจรจา โดยทำหนังสือแสดงความสำนึกผิด และขอขมาลาโทษ และยื่นขอให้การใหม่เป็นให้การรับสารภาพ แต่หากศาลฎีกาไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ขอความกรุณาต่อศาลฎีกาลงโทษสถานเบาโดยรอการลงอาญา ต่อมานายธาริตยังได้ส่งทนายความยื่นคำร้องพร้อมวางเงิน 1 แสนบาทต่อศาล เพื่อเยียวยาบรรเทาผลร้ายต่อโจทก์ ขณะเดียวกัน ในวันที่ 11 ธ.ค. นายสุเทพยื่นคำร้องมาที่ศาลฎีกา คำอ้างของนายธาริตจำเลยไม่เป็นความจริง ยืนยันให้ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาตามเดิม

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การแถลงข่าวเรื่องเกี่ยวกับเสนอราคาในการประมูลโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งของนายธาริต เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนายสุเทพตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลย 1 ปี ที่จำเลยขอถอนคำให้การเป็นรับสารภาพ ไม่อาจถอนคำให้การได้ในชั้นฎีกา ให้ยกคำร้อง ส่วนที่จำเลยอ้างว่าได้บรรเทาผลร้าย และการเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จ มีการทำตามข้อตกลงสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต้องระงับไป ศาลเห็นว่า ยังอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ย และการเจรจาไกล่เกลี่ยต้องคำนึงถึงคู่ความทั้งสองฝ่าย เมื่อโจทก์ไม่ประนีประนอม ให้จำเลยนำเงินวางคืนได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายธาริต ที่มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนรู้ชะตากรรม ขึ้นรถตู้ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ขณะที่นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความนายสุเทพ กล่าวว่า คดีนี้นายธาริตพยายามติดต่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยหลายครั้ง ตั้งแต่ก่อนช่วงนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรกที่ศาลอาญา ที่นายธาริตอ้างป่วย และขอให้ส่งคำให้การเพิ่มเติม แต่ตนยื่นคัดค้าน ศาลอาญามีคำสั่งให้รับคำร้องส่งศาลฎีกาพิจารณา และให้เลื่อนคำพิพากษาออกมาอ่านวันนี้ โดยนายธาริตประสานผ่านผู้ใหญ่เจรจาไกล่เกลี่ยหลายคน รวมถึงนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด แต่ยืนยันว่านายสุเทพยังไม่ได้ตอบรับ เนื่องจากต้องปรึกษากับทีมทนาย ในครั้งแรกตนตอบรับที่จะเข้าไกล่เกลี่ย ต่อมาทราบว่านายธาริตได้ยื่นคำร้องไปยังประธานศาลฎีกา เป็นประเด็นที่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ จึงนำเรื่องนี้แจ้งนายสุเทพปรึกษาหารือ และมีความเห็นว่าไม่ขอเจรจาไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ คดีหมิ่นเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ยังมีอีก 1 สำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาคดีการเปลี่ยนสัญญาจัดซื้อ จัดจ้างโรงพัก 396 แห่ง ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.เมื่อเร็วๆนี้ ตนและนายสุเทพได้เข้าไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับคณะทำงาน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ยืนยันว่าสิ่งนายสุเทพกระทำไม่ขัดต่อมติ ครม.ในขณะนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการคุมขังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี ว่า แม้ผู้ต้องขังจะเคยเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง แต่จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ การควบคุมตัวจะเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ผู้ต้องขังทุกรายมีสิทธิเท่าเทียมกัน และเมื่อนายธาริตถูกส่งตัวเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามขั้นตอนจะต้องถ่ายภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ และตรวจร่างกายว่ามี โรคประจำตัวที่เป็นอันตรายร้ายแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นักโทษที่มีเกณฑ์อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมักจะมีโรคประจำตัว สามารถนำใบรับรองแพทย์มาแสดงเพื่อนำยาที่แพทย์จัดให้เข้ามารักษาอาการป่วยตัวเองได้ ทั้งนี้ หากมีอาการเจ็บป่วยภายในเรือนจำ สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้ตามปกติ ในกรณีที่อาการเจ็บป่วยไม่ร้ายแรงก็สามารถรักษาภายในแดนพยาบาลได้ ยกเว้นเจ็บป่วยหนักต้องถูกส่งตัวไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

“เมื่อเสร็จสิ้นการรับตัวผู้ต้องขังใหม่ ผู้คุมเรือนจำจะนำตัวผู้ต้องขังเข้าไปควบคุมไว้ภายในแดนแรกรับเพื่ออบรมระเบียบวินัยและชี้แจงกฎของเรือนจำ ให้ผู้ต้องขังใหม่ปรับตัว ไม่กระทำผิดวินัยหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบของเรือนจำ ถือเป็นปกติที่ผู้ต้องขังใหม่จะต้องใช้เวลาปรับตัวทำใจรับสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำ และเพื่อนผู้ต้องขังเบื้องต้น จะให้ผู้ต้องขังพักอยู่ในแดนแรกรับประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะจำแนกให้ไปแดนคุมขังตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่หนักใจ เพราะถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ตามคำสั่งศาลแม้นายธาริตจะเป็นเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาก็ตาม” พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าว

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ภายหลังทราบผลการพิพากษาคดีที่ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานหมิ่นประมาทว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์อะไร ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ในชั้นนี้เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วก็จบแค่นั้น ตามที่ศาลยุติธรรมท่านได้พิพากษา พูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ และไม่ขอวิจารณ์อะไรในเรื่องนี้อีก ส่วนวันที่ 15 ธ.ค. ทางพรรค รปช.จะประชุมใหญ่เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคและอีกหลายเรื่องที่เมืองทองธานี ขอฝากสื่อติดตามด้วย

...