ติดต่อซื้อที่ '2นักธุรกิจ' บังคับขู่ฆ่า! ฉวยหนีได้ แจ้งตร.จับ

กองปราบฯ ตามรวบแก๊งเรียกค่าไถ่นักธุรกิจผลิตเครื่องสำอางชาย-หญิง ออกอุบายให้ผู้หญิงโทร.ติดต่อขอซื้อที่ดินในอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี มูลค่า 5.77 ล้านบาท ก่อนนัดเจรจาตกลงซื้อขายที่บ้านเช่าเปิดเป็นสำนักงานบังหน้า เหยื่อหลงเชื่อมาตามนัด พบคนร้าย 3 คนสวมหน้ากากปิดหน้าปืนจี้ขึ้นรถขู่ให้หาเงิน 5 ล้านบาทมาเป็นค่าไถ่ตัว ถ้าไม่ได้จะพาไปยิงทิ้งที่เขาใหญ่ ก่อนพาทั้งคู่ขึ้นรถบึ่งไปที่ หมายระหว่างทางบังคับให้กดเงินอีก 1 แสนบาท เหยื่อสบโอกาสออกอุบายปวดท้องขอเข้าห้องน้ำปั๊ม รอคนร้ายเผลอวิ่งหนีร้องขอความช่วยเหลือ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีรีบขับรถหนีออกไปทันที ผู้เสียหายเข้าแจ้งความตำรวจจนจับกุมตัวได้

กองปราบฯจับแก๊งเรียกค่าไถ่ นักธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง ออกอุบายให้สาวโทร.ติดต่อขอซื้อที่ดิน ที่ จ.จันทบุรี ก่อนเหยื่อหลงเชื่อมาตามนัดใช้ปืนจี้ขึ้นรถ เรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาทครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายกำปั่น ทอนเกาะ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 333 ม.1 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม นายกฤษฎา หรือต้อม ประวิเศษ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/6 ซ.ราชพฤกษ์ 19 แขวงและเขตตลิ่งชัน นายสมชาย หรือปิ๊ก มีสัตย์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. พร้อมของกลางรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีเทา ทะเบียน ทล 7785 กรุงเทพมหานคร ยาบ้า 2 เม็ด ไอซ์ น้ำหนัก 0.75 กรัม ธนบัตรรัฐบาลไทยปลอม ฉบับละ 1000 บาท 610 ฉบับ วิทยุสื่อสาร ซองบัตรตำรวจห้อยคอ 2 อัน จับได้บริเวณภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร มิตซู ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนขยายผลค้นห้องพักเลขที่ 16/13033 ตึก 130 หมู่บ้านเอื้ออาทร มิตซู พบของกลางอีกจำนวนหนึ่ง

...

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายนักธุรกิจชาย-หญิง ประกอบกิจการผลิตเครื่องสำอาง 2 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ถูกกลุ่มผู้ต้องหาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยคนร้ายออกอุบายให้ น.ส.จิตรัตดา เห็มสีดา ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ โทร.ติดต่อขอซื้อที่ดินผืนหนึ่งใน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ในราคา 5.77 ล้านบาท นัดหมายเจรจาตกลงกันที่บ้านพักหลังหนึ่งใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ก่อนจะหลงเชื่อเดินทางมาพบตามกำหนดนัด เข้าไปในบ้านพบคนร้ายมีด้วยกัน 3 คน สวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า ก่อนใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายทั้งคู่หาเงินมาให้ 5 ล้านบาทเป็นค่าไถ่ตัว มีหัวหน้าขบวนการอีกคนหนึ่งคอยโทรศัพท์มาสั่งการตลอดเวลา ผู้เสียหายจึงพยายามต่อรองเพื่อประวิงเวลาในการขอความช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล

ต่อมาคนร้ายได้พาตัวเหยื่อทั้งสองคนขึ้นรถเก๋ง โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ทะเบียน ทล 7785 กรุงเทพมหานคร ส่วนคนร้ายอีกคน ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู 320 ไอ สีดำ ทะเบียน 3กข 96 กรุงเทพมหานคร ของผู้เสียหาย มุ่งหน้าไปเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา พร้อมขู่ว่าจะนำไปยิงทิ้ง ระหว่างทางคนร้ายได้บังคับให้ผู้เสียหายผู้หญิงลงไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม 1 แสนบาทและค้นเอาเงินสดในกระเป๋าอีก 3 หมื่นบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆของทั้งคู่ไป กระทั่งเมื่อเดินทางผ่านมาถึงบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เสียหายทั้งสองคนได้ออกอุบายทำทีเป็นปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาจึงได้แวะจอดรถที่ปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เสียหายทั้งคู่อาศัยช่วงจังหวะที่คนร้ายเผลอ วิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากประชาชนภายในปั๊มน้ำมัน พวกคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไป ส่วนรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ของผู้เสียหาย จอดทิ้งไว้ห่างจากปั๊มน้ำมัน 2 กิโลเมตร

หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย สอบปากคำผู้เสียหายทั้งคู่แล้ว ประสานขอความร่วมมือมายังกองปราบปราม เพื่อให้ช่วยสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ กก.2 และ 3บก.ป. จะนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนกระทั่งทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้หลบหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่กมลอพาร์ตเมนต์ ซอยลาดปลาเค้า 53 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว จึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ ก่อนจะพบรถยนต์ของคนร้ายขับออกไป เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยติดตาม จนมาถึงหมู่บ้านเอื้ออาทรมิตซู จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นภายในรถ พบไอซ์ จำนวนหนึ่งอยู่ในถึงซองพลาสติก ธนบัตรปลอม ฉบับละ 1,000 บาท 50 ฉบับ พร้อมวิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง ก่อนนำตัวขยายผลไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 16/13033 ตึก 130 ภายในหมู่บ้านดังกล่าว พบยาบ้า 2 เม็ด ไอซ์จำนวนหนึ่ง และธนบัตรปลอมเพิ่มเติมอีก 560 ฉบับ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า นายกำปั่นเป็นผู้ชักชวนให้มาร่วมกันก่อเหตุ มีการเช่าบ้านหลังที่เกิดเหตุใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ไว้ก่อนเพื่อทำเป็นสำนักงานหลอกให้ผู้เสียหายมาติดต่อซื้อขายที่ดิน กระทั่งลงมือ ส่วนผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาคอยสั่งการในการเจรจาต่อรองเรื่องค่าไถ่กับผู้เสียหายนั้น คือ น.ส.จิตรัตดา เมียนายกำปั่น ที่ทำหน้าที่เป็นนางนกต่อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการออกหมายจับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันมี (ธนบัตรรัฐบาลไทย) ไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอม และร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหลักฐานของกลางที่ตรวจยึดได้ขณะเข้าตรวจค้น ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

...

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า นายกำปั่นเคยเป็นช่างทำทองและขับรถแท็กซี่รับจ้าง รวมทั้งยังเคยเป็นอาสาสมัครช่วยงานตำรวจตามโรงพักด้วย