ระบายไม่ทันอ่วมทั่วกรุง

ฝนกระหน่ำกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งแต่เช้าตรู่จนท่วมขังถนนสายหลักหลายพื้นที่ ทางด่วนกลายเป็นคลองส่งน้ำชั่วคราว หลังฝนหยุดไม่นานเกิดเรื่องสลดสังเวย 1 ชีวิต สาวโรงงานทอมบอย เดินลุยน้ำในซอยเทียนทะเล 26 ย่านท่าข้าม เสียหลักเอามือค้ำป้อม รปภ. ถูกไฟรั่วดูดใส่หมดสติ หัวทิ่มจมน้ำดับอนาถ เผยคนตายเป็นกำลังหลักทำงานส่งเงินให้แม่กับยาย ประหยัดเดินกลับมากินข้าวเที่ยงที่ห้องพักทุกวันจนเกิดเหตุ ตำรวจเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวนแจ้งข้อหา

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์กลุ่มฝนจากพายุฤดูร้อนและลมทะเลตกอย่างหนักทั่วพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี บริเวณปากซอยเพชรเกษม 33 ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาออก แขวงบางหว้า เขตบางแค กทม.ช่วงก่อนถึงห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค เพียง 300 เมตร พบปริมาณน้ำท่วมขังผิวการจราจรเต็มพื้นที่ทั้ง 3 ช่องทางเดินรถ สูง 15-30 ซม. บางช่วงท่วมถึงบาทวิถีและทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนข้างทาง ประกอบมีปริมาณน้ำฝนตกลงมาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อช่วง 05.00 น. ทำให้การจราจรบนถนนเพชรเกษมทั้ง 2 ฝั่งได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่เทศกิจ พร้อมหน่วยเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักงานเขตภาษีเจริญ และตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ต้องสนธิกำลังกันกว่า 100 นาย ออกมาวางจุดโบกรถอำนวยความสะดวกให้ประชาชน พร้อมให้ความช่วยเหลือรถยนต์และรถ จยย.ที่ลุยน้ำจนเครื่องยนต์ดับ นอกจากนี้บนทางด่วนบางโคล่-แจ้งวัฒนะ ลงถนนสาธุประดิษฐ์ มุ่งหน้าดาวคะนอง มีระดับน้ำท่วมขังสูงเกินครึ่งล้อรถยนต์ทำให้สามารถเคลื่อนตัวได้ช้า มีสภาพเหมือนคลองส่งน้ำ กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. ปริมาณฝนที่ตกลงมาเริ่มเบาบาง ทำให้การระบายน้ำจากผิวการจราจรลงสู่ลำคลองต่างๆ บนถนนเพชรเกษมและใกล้เคียงเริ่มเห็นผล คาดจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ก่อนเวลา 16.00 น.

...

ที่ จ.สมุทรปราการ พบฝนกระหน่ำนานหลายชั่วโมง ทำให้น้ำเอ่อท่วมถนนหลายสาย โดยเฉพาะถนนเทพารักษ์ ตั้งแต่หน้าบริษัท ฮีโน่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ไปถึงแยกเทพารักษ์ น้ำขังสูง 10-20 ซม. ถนนสุขุมวิทตั้งแต่สามแยกเทพารักษ์หน้า สภ.สำโรงเหนือ ถึงห้างบิ๊กซีจัมโบ้ ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. และถนนพุทธรักษา มีน้ำท่วมขังสูง 20-30 ซม. ทำให้รถติดสะสมยาวหลายกิโลเมตร ส่วนที่ จ.ปทุมธานี ฝนตกสลับกับหยุดตลอดช่วงเช้า ทำให้การจราจรชะลอตัวแต่ไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เช่นเดียวกับที่ จ.นนทบุรี ฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้านาน 3 ชั่วโมงแต่ไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง แม้แต่บริเวณทางลงด่วนแจ้งวัฒนะ ฝั่งขาออก ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำ

นายณรงค์ เรืองศรี ผอ.สำนักการระบายน้ำ เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามืดของวันที่ 9 มี.ค. พื้นที่ กทม. และปริมณฑลเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งธนบุรี ปริมาณฝนสะสมสูงสุดวัดที่เขตบางแค 166 มม. มีน้ำท่วมขังถนนสายหลัก 17 จุด ความสูงตั้งแต่ 10-20 ซม. อาทิ ถนนเพชรเกษม ถนนเจริญกรุง ถนนเยาวราช ถนนลาดหญ้า ใกล้วงเวียนใหญ่ ถนนสุขุมวิท ช่วงซอยแบริ่ง ถนนจันทร์ ใกล้แยกเจริญราษฎร์-ซอยเซนต์หลุยส์ และถนนสาธุประดิษฐ์ เป็นต้น ฝนที่ตกในวันนี้ เป็นฝนจากพายุฤดูร้อน ก่อนหน้านี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ว่าช่วงเดือน มี.ค. พื้นที่ กทม.จะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ทำให้มีฝนตกและลมกระโชกแรง ทั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. สั่งให้สำนักงานเขต สำนักการโยธา สำนักสิ่งแวดล้อม ดูแลต้นไม้ใหญ่ ในพื้นที่เพื่อป้องกันการโค่นล้มขณะลมกรรโชกแรง รวมถึงตรวจสอบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ หากพบว่าไม่มั่นคงแข็งแรง หรือชำรุด ให้ประสานเจ้าของป้ายปรับปรุงให้มั่นคงแข็งแรง พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนป้องกันน้ำท่วม อาทิ ขุดลอกคูคลอง ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ดูแล บำรุงรักษา ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดต่างๆ แต่เนื่องจากฝนตกหนักมากจึงอาจมีน้ำรอการระบายเป็นบางจุด ทั้งนี้ กทม.สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้กลับมาในสภาพปกติได้ในเวลา 1-2 ชั่วโมง

ด้านนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า สาเหตุการเกิดฝนตกทั่วพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เนื่องจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน เกิดจากความร้อนสะสมในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงถึง 37-38 องศาเซลเซียส เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมแล้วปะทะกับความร้อนสะสม เลยเกิดเป็นลักษณะฝนฟ้าคะนอง มีผลกระทบเริ่มตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก จนมาถึง กทม. แต่เพราะพื้นที่ กทม. ความร้อนสะสมไม่มาก เลยมีเฉพาะฝนตกหนักแต่ไม่มีลมกระโชก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป บริเวณ กทม.และปริมณฑลจะมีฝนฟ้าคะนองลดลง อาจหลงเหลือบางพื้นที่ จากนั้นอุณหภูมิจะกลับไปสูงขึ้น ส่วนจะมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนอีกหรือไม่นั้น ต้องประเมินจากความร้อนสะสม หากมีมวลอากาศเย็นมาปะทะอีกครั้งก็มีโอกาสเกิดขึ้นอีกได้ ต้องติดตามสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ หลังฝนพายุฤดูร้อนถล่ม กทม.และปริมณฑลไม่กี่ชั่วโมง เกิดเหตุสลดสาวโรงงานสังเวยชีวิตถูกไฟช็อตดับขณะเดินลุยน้ำท่วมขัง 1 ราย โดยเมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.สุพิศ อาละพล รอง ผกก. (สอบสวน) สน.เทียนทะเล รับแจ้งมีผู้ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตขณะเดินลุยน้ำท่วมที่หน้าบริษัท ที.เอส. อินเตอร์วู้ด จำกัด เป็นโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ เลขที่ 17/640 ถนนเทียนทะเล ซอย 26 แยกวงแหวนแสงประทีป 9 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่ กฟน. เขตราษฎร์บูรณะ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

จุดเกิดเหตุอยู่ในซอยเต็มไปด้วยตึกแถวสูง มีสภาพเป็นโรงงานอุตสาหกรรมทำธุรกิจหลายชนิด มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 30 ซม. ตลอดทั้งซอย เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องต้องขึ้นเรือของ อปพร.เข้าไปยังที่เกิดเหตุอยู่ลึกเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตรอย่างทุลักทุเล ตรวจสอบข้างป้อม รปภ.หน้าบริษัท ดังกล่าว มีลักษณะเป็นโครงเหล็ก พบศพ น.ส.ศันสนีย์ หรือปุ้ย แสงงาม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/2 หมู่ 3 ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พนักงานโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ ท้ายซอยวงแหวนแสงประทีป 9 ที่อยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นลายขวางสีดำเทา กางเกงสามส่วนสีเทา นอนคว่ำหน้าอยู่ภายในน้ำ เพราะถูกกระแสไฟฟ้าที่รั่วจากสายไฟแรงสูงลงหลังคาป้อม รปภ.ดูดใส่ พนักงานการไฟฟ้าจึงตัดกระแสไฟ ก่อนอนุญาตให้ตำรวจและแพทย์นิติเวชฯเข้าชันสูตรพลิกศพ ตรวจสอบพบรอยฝ่ามือของผู้ตายทั้งสองข้างติดอยู่ที่ป้อม รปภ. จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงและถ่ายรูปเป็นหลักฐาน

...

สอบสวนนางศศิธร งามแยะ อายุ 37 ปี พี่สาว ผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายมีอุปนิสัยเป็นทอมบอย พักอยู่ที่ห้องเช่าใกล้กันกับตน บริเวณปากทางเข้าแยกวงแหวนแสงประทีป 9 ห่างจากจุดพบศพประมาณ 500 เมตร ตามปกติช่วงพักเที่ยง น.ส.ศันสนีย์จะเดินทางกลับไปกินข้าวเที่ยงที่ห้องทุกวัน คาดก่อน เกิดเหตุผู้ตายเดินกลับไปที่ห้องตามปกติ ประกอบกับมีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า จังหวะที่น้องสาวเดินลุยน้ำท่วมขัง เกิดเสียหลักจะล้ม เลยเอามือทั้ง 2 ข้าง ไปค้ำกับป้อม รปภ.เพื่อประคองตัว เผอิญมีกระแสไฟฟ้ารั่วอยู่ ทำให้ถูกไฟดูดหมดสติหัวทิ่มลงน้ำไปโดยไม่มีใครกล้าเข้าช่วยเหลือจนเสียชีวิตในที่สุด

“น้องสาวของดิฉันถือเป็นกำลังหลัก ส่งเสียเงินให้แม่และยายทุกเดือน ไม่น่ามาจากไปด้วยวัยเพียงเท่านี้ อยากฝากสื่อมวลชนให้ช่วยแจ้งหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ซอยเทียนทะเล 26 ตลอดทั้งซอยนั้น มีปัญหาน้ำท่วมขังหลังฝนตกนานหลายปีแล้ว แม้จะตกลงมาเพียงเล็กน้อยก็ยังท่วมขังนาน 2-3 วัน สำหรับค่าทำศพ ดิฉันยังไม่ทราบว่าจะไปเรียกร้องเอาผิดกับใคร ปล่อยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ แต่ยังหวังว่าจะมีผู้รับผิดชอบ เพราะครอบครัวของดิฉันหาเช้ากินค่ำ เดินทางเข้ากรุงเทพฯมาดิ้นรนสู้ชีวิต” นางศศิธรกล่าว

...

ขณะที่ พ.ต.ท.สุพิศกล่าวว่า ทำหนังสือส่งศพ ให้มูลนิธินำส่งชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.ศิริราช ส่วนเหตุกระแสไฟฟ้ารั่วครั้งนี้ ตรวจดูด้วยตาเปล่าพบสายไฟฟ้ามีรอยขาดพาดอยู่กับหลังคาป้อม รปภ.พอดี เตรียมเรียกพนักงานการไฟฟ้ามาสอบสวนเพื่อหาข้อมูลเชิงเทคนิค จากนั้น จะเรียกเจ้าของโรงงานที่เกิดเหตุ รวมถึงพยานที่เห็น เหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบปากคำ หากพบเป็นความประมาทของฝ่ายใดต้องถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด