บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. รับเคยเดือดร้อนยืมเงิน “เสี่ยกำพล” 300 ล้านบาทแต่คืนไปหมดแล้ว และไม่รู้ที่มาที่ไปว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่หนักใจเพราะทำธุรกรรมผ่านธนาคารถูกต้อง รวมทั้งรายงาน ป.ป.ช. รับทราบเรียบร้อย ลั่นพร้อมให้หน่วยงานที่สงสัยตรวจสอบเต็มที่ ขณะที่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานสภาฯ มอบทนายยื่นฟ้อง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ช่อง 3 และไทยรัฐทีวี รวมทั้งภาษิต-น้องไบรท์ และน้องมิ้นท์ ผู้ประกาศข่าวของทีวีทั้ง 2 ช่อง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังเล่าข่าวพาดพิงให้คนดู เข้าใจว่า โจทก์และสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด เอี่ยวค้ามนุษย์ ฟอกเงินกับเสี่ยกำพล

ภายหลังมีกระแสข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบเส้นทางการเงินจากบัญชีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท เชื่อมโยง อดีต ผบ.ตร.และพวกอีก 5 ราย ลักษณะซื้อและขายหุ้นกันโดยตรงกับนายกำพล รวมทั้งซื้อขายแบบผ่านคนกลาง ประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบ รวบรวม หลักฐานว่า เงินจำนวนดังกล่าวเกี่ยวข้องในการกระทำผิดคดีค้ามนุษย์หรือไม่

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 25 ชั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และอดีต ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีชื่อพัวพันคดีฟอกเงิน โดยมีหลักฐานทางการเงิน 300 ล้านบาท เกี่ยวโยงกับนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ว่า รู้จักกับนายกำพลมากว่า 20 ปี จากการแนะนำของเพื่อนในวงการพระเครื่อง ในงานวันเกิดตนนายกำพลมาบริจาคเงิน 5 ล้านบาท สมทบทุนสร้างโรงพยาบาลที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยก่อนหน้านี้ได้จัดงานประกวดพระเพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาล นายกำพลก็มาประมูลพระไปในราคา 30 ล้านบาทด้วย
อดีต ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ตอนที่ตนเดือดร้อนเคยไปยืมเงินนายกำพลหลายครั้ง นายกำพลให้ความ ช่วยเหลือมา 3-4 ครั้ง รวมแล้วเป็นเงินที่ปรากฏตามข่าว 300 กว่าล้านบาท ทั้งหมดโอนเงินผ่านธนาคารเข้าระบบธุรกรรมการเงินอย่างชัดเจน มีเส้นทางการเงิน ปรากฏว่านายกำพลโอนเงินมาให้ตน อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนายกำพลมาขอเงินคืน ตนคืนกลับไปให้ผ่านธุรกรรมการเงินของธนาคารเช่นกัน มีเอกสารการกู้ยืมและการโอนเงินผ่านระบบธนาคาร ทั้งหมดได้รายงานให้ ป.ป.ช.รับทราบไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ฉะนั้นธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างตน กับนายกำพลมีจริง แต่ผ่านระบบต่างๆตามกฎหมาย มีสัญญาถูกต้อง มีการโอนเงิน ใช้เงินชดใช้หนี้สินกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

...

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อไปว่า ไม่มีเหตุจำเป็นที่ตัวเองจะต้องปกปิดเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเงินจำนวนนี้ ไม่ใช่เงินที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าสังคมหรือใครที่ยังสงสัยว่าเงินที่เอามาให้ยืมเป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายหรือไม่ คงต้องไปถามนายกำพลว่าเขาไปเอาเงินที่ไหนมาให้ยืม เรื่องนี้ตอบเองไม่ได้ เพราะหากตนไปยืมเงินใครก็คงไม่กล้าถามว่าเงินที่เอามาให้ยืมเป็นเงินที่ไปปล้นมาหรือไม่ ไปค้ายาเสพติดมาหรือเปล่า เขาให้ยืมคือให้ยืม เขาจะช่วย ก็คือช่วย ช่วยแล้วไม่ได้หายไปไหน เงินก็เอากลับไปคืน ที่สำคัญการโอนเงิน โยกย้ายเงินอยู่ในระบบของธนาคาร สามารถตรวจสอบได้ ตนยินดีและพร้อมที่จะชี้แจงกับหน่วยงานใดๆที่อยากจะสอบถาม ได้เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ชี้แจงไว้พร้อมแล้ว เรื่องนี้คงไม่ยาก เพราะเอกสารต่างๆที่มีอยู่คือฉบับเดียวกับ ที่มีอยู่ที่ ป.ป.ช. มันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่สุจริตว่าเงินจำนวนนี้ได้มาแล้วก็คืนกลับไป ถ้ามีเจตนาทุจริตหรือปิดบังซ่อนเร้นช่วยเหลือนายกำพลในทางที่ผิดกฎหมาย ให้นายกำพลหอบเงินสดมาให้ไม่ดีกว่าหรือ และในกรณีนี้โอนเงินเป็นชื่อตนด้วยตนคงไม่คิดสั้นขนาดนั้น

เย็นวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ออกมาชี้แจงว่า เงิน 200-300 ล้านบาท เป็นการกู้ยืมเงินจากนายกำพลว่า เรื่องนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาอีกที รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ เหมือนกรณีคดีวัดพระธรรมกาย และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่กลุ่มผู้ต้องหามีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการฉ้อโกงมา ส่วนดีเอสไอจะเรียก พล.ต.อ.สมยศมาสอบปากคำหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ต้องรอประชุมพิจารณาตามหลักฐานอื่นๆ และเส้นทางการเงินก่อน คดีวิคตอเรีย ซีเครท เจ้าหน้าที่ไม่ได้โฟกัสหรือเจาะจงแค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ดูจากพยานหลักฐาน และเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับนายกำพล จะต้องพิจารณาและตรวจสอบทุกคนที่พบมีการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ต้องหา

ก่อนหน้านี้ เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภา ผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย มอบหมายนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองที่ผันตัว มาเป็นนักเล่าข่าว นายภาษิต อภิญญาวาท น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ และบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 21-31 ม.ค.61 จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ โดยจำเลยที่ 1-3 เป็นพิธีกรรายการ ชูวิทย์มีเรื่องเล่า ทางช่อง 3 HD เป็นกิจการของจำเลยที่ 4 โดยใส่ความ โจทก์ให้ประชาชนเข้าใจว่า สโมสรฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด และโจทก์เกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน จากการค้ามนุษย์ของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เนื่องจากสโมสรเชียงรายฯได้รับเงินสนับสนุนจาก บมจ.อควา คอร์ปอเรชั่น ที่มีนายกำพลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นายธนพล วิระเทพสุภรณ์ บุตรชายนายกำพล ยังเป็นรองประธานสโมสรเชียงรายฯด้วย โดยปี 60 มีเงินทำทีมฟุตบอลถึง 300 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากการฟอกเงิน นอกจากนี้ ยังมีการรายงานข่าวในทางที่ทำให้โจทก์เสียหายว่ามีการปั่นหุ้นใน 3 บริษัท ทำให้ประชาชนที่ดูข่าวที่จำเลยทั้ง 4 เผยแพร่เข้าใจผิด คิดว่าโจทก์มีส่วนร่วมกับนายกำพลในการฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ามนุษย์ ผ่านสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น

โจทก์มิได้ที่จะแสวงผลประโยชน์ทางการเมือง โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของ และไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น รวมถึงผู้บริหารสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด แต่อย่างใด แต่มีนายมิตติ ติยะไพรัช บุตรชายที่ชื่นชอบฟุตบอลเป็นผู้ก่อตั้งสโมสร โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือการค้ามนุษย์ รวมถึงการปั่นหุ้นที่จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 นอกจากนี้ นายชูวิทย์ จำเลยที่ 1 ยังนำภาพและข้อความที่หมิ่นประมาทไปลงเฟซบุ๊กอีกด้วย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 83, 90, 91, 92 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 ศาลรับคำฟ้องไว้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.356/2561 พร้อมนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 09.00 น.

...

นอกจากนี้นายยงยุทธยังเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ น.ส.อรชพร ชลาดล และ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีกล่าวหาโจทก์ในทำนองเดียวกันกับสำนวนแรก ผ่านรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ทางช่องไทยรัฐทีวี HD 32 ศาลรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.357/2561 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 11 มิ.ย. เวลา 09.00น.

นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความนายยงยุทธ กล่าวว่า วันนี้ยื่นฟ้อง 2 สำนวนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในฐานะสื่อมวลชนในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 และชูวิทย์ตีแสกหน้า ทางไทยรัฐทีวี กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง นายยงยุทธใช้สิทธิในการฟ้อง และเพื่อให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานแก่สื่อมวลชนในการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนการเผยแพร่ รวมถึงให้ความถูกต้องและยุติธรรม นายยงยุทธไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ขอดำเนินคดีถึงที่สุด ส่วนการฟ้องแพ่งจะพิจารณาดำเนินการต่อไป