สำนักงานสถิติแห่งชาติ มีตัวเลขผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ (ประเทศไทย) พ.ศ.2567 อยู่ที่ 94.6% จากประชากรทั้งประเทศ รองลงมานับถือศาสนาอิสลาม 4.2%สำหรับธนาคารอิสลามได้ก่อตั้งตาม พ.ร.บ.อิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ.2545 อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยเปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2546 สนง.ใหญ่แห่งแรกอยู่ที่คลองตัน กรุงเทพ มหานคร ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 102 สาขาอยู่ทั่วเมืองไทย“ธนาคารพุทธ” ควรมีหรือไม่? เฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ ตั้งคำถามพร้อมบอกว่า ที่มาของการก่อกำเนิดเพื่อให้เกิด “ธนาคารพุทธศาสนา” ก็คือ เหล่าบรรดานักการเมืองไทย ข้าราชการ ชาวพุทธและกลุ่มพระสงฆ์หัวก้าวหน้า อาจจักรวมถึงพระเถระที่มีความเป็นห่วงถึงภาพลักษณ์สถานการณ์ของพระสงฆ์ไทยในยุคปัจจุบันและอนาคตภายภาคหน้าที่ว่า...การประพฤติธรรมที่ย่อหย่อนของพระภิกษุบางรูปโดยเฉพาะพระสังฆาธิการที่มีส่วนรับผิดชอบองค์กรสงฆ์ในภาคส่วนต่างๆ การบริหารทรัพย์สินเงินทอง ผลประโยชน์ในพระศาสนาที่ควรแก่การก่อเกิดศรัทธาความเชื่อมั่นในองค์กรสงฆ์ทั้งความโปร่งใส...สุจริตทั้งการบริหารจัดการ การเงิน การบัญชีรวมถึงการตรวจสอบทั้งองค์กรภายในสงฆ์และองค์กรของรัฐที่ต้องตรวจสอบระบบเงินเพื่อความสุจริตธรรมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...ข่าวหรือข้อมูลที่ก่อเกิดกับพระภิกษุสงฆ์ไทยในวันเวลาที่ผ่านมาที่ถูกนำเสนอในสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสตรีเพศ กามารมณ์ การพนัน ระบบการเงินที่เชื่อมโยง จนกระทั่งพระชั้นปกครองต้องสึกหาลาเพศไปหลายๆรูป ทำให้ชาวพุทธไทยส่วนหนึ่งขาดความเชื่อมั่นศรัทธาต่อพระภิกษุบางรูปหรือ...แม้กระทั่งไปถึงคำพูดที่ว่า “พระบางรูปทำให้ศาสนาเสื่อม”ข้อเท็จจริงหนึ่งเราท่านในฐานะชาวพุทธได้รับรู้มาอย่างต่อเนื่องก็คือการบริหารจัดการภายในวัด คณะสงฆ์หลายวัดที่เจ้าอาวาส เจ้าคณะชั้นปกครองมีความเข้มงวดทั้งพระธรรมวินัย กฎหมายของบ้านเมือง หลวงปู่...หลวงพ่อที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่มีเรื่องหม่นหมองทั้งตนเองและคณะสงฆ์...แม้กระทั่งมรณภาพไปแล้วความเชื่อมั่นศรัทธาของศาสนิกชนก็มิเสื่อมคลาย ขณะเดียวกันกับสิ่งที่ตรงกันข้ามก็นำซึ่งข้อกังขาของชาวพุทธที่ว่าจักช่วยองค์กรสงฆ์ให้ดำรงศรัทธาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร โดยเชื่อว่า พระภิกษุสงฆ์ควรมีศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมที่สูงส่งมากกว่าฆราวาสชาวบ้านทั่วไปการก่อตั้ง “ธนาคารพุทธศาสนา” ที่มีผู้นำเสนอก็คือให้มีความแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนอุปถัมภ์พุทธศาสนามีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ...มีผู้แทนทั้งของรัฐ ผู้แทนของมหาเถรสมาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนา การให้สินเชื่อเฉพาะพุทธศาสนิกชนหรือ...มีลักษณะระบบการเงินคล้ายๆกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วัด...มูลนิธิสามารถขอสินเชื่อทำธุรกรรมด้านการเงินเสมือนธนาคารทั่วๆไป ในหลักการดังกล่าวได้มีการนำเสนออยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมการกฤษฎีกาในวันเวลาที่ผ่านมา...เฉลิมพล บอกอีกว่า โดยข้อเท็จจริง...วัดต่างๆทั่วประเทศโดยเฉพาะวัดที่มีชื่อเสียง มีรายได้ประจำโดยวิถีทางต่างๆมีระบบเงินที่อยู่ในสถานภาพการเงินที่ดี มีเงินฝากในธนาคารต่างๆของเมืองไทยเรามีในจำนวนที่มากพอสมควร...มีงานวิจัยของนิด้าเมื่อปี พ.ศ.2557 หรือเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมาแล้ว พบว่า...“วัดมีเงินฝาก 3 แสนล้านบาท มีเจ้าอาวาสควบคุม ทำบัญชีไม่เป็นระบบ ขาดระบบธรรมาภิบาลและพบว่ามีวัดบางวัดมีรายได้ 3.2 ล้านบาทต่อปี หรือบางวัดมีรายรับ...จ่ายมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี พระบางรูปสะสมรถโบราณ นิยมรถหรู ใช้สินค้าแบรนด์เนม หรือทำธุรกรรมในเชิงธุรกิจเสมือนชาวบ้านทั่วๆไป”จนกระทั่งมีคำถามของชาวพุทธที่ว่า วัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ไทยปัจจุบันควรเป็นไปในทิศทางใด ชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎหมายของบ้านเมืองหรือไม่ อย่างไร? ขณะเดียวกันจำนวนวัดกว่า 30,000 วัด พระภิกษุ สามเณร แม่ชี บุคลากรที่ต้องทำงานพระศาสนาในวัดกว่า 200,000 คน ในจำนวนนี้มีวัดที่มีสถานภาพทางระบบการเงินที่ดี สามารถดูแลวัดให้ยาวไปได้อีกร้อยปีมีเพียงไม่กี่วัด...ข่าวหรือข้อมูลที่ถูกนำเสนอด้านหนึ่งก็คือวัดหรือพระบางวัดแทบจะไม่มีรายได้ใดเข้าวัด“...ต้องค้างค่ากระแสไฟฟ้า ระบบการก่อสร้างหรือบูรณะกุฏิ โบสถ์ ศาลาการเปรียญห้องน้ำ ห้องปฏิบัติธรรม ไม่สามารถจำทำได้เนื่องด้วยวัดไม่มีรายได้หรือแม้กระทั่งมีกฐินตกค้าง หรือ...ไม่มีเจ้าภาพไปทอดกฐินหลังจากพระสงฆ์ออกพรรษาแล้วมีจำนวนหลายๆวัด”ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือปัจจุบันมีบุคคลเข้าไปอุปสมบท บวชเป็นพระภิกษุมีจำนวนลดน้อยถอยลงไป วัดบางวัดมีเพียงเจ้าอาวาสรูปเดียวที่อยู่เฝ้าวัดที่แก่ชราและมีโรคต่างๆงานบุญหลายๆงานต้องนิมนต์พระจากหลายๆวัดไปเพื่อประกอบพิธีสงฆ์ ระบบการเงิน การบริหารจัดการองค์กรสงฆ์มีความสำคัญอย่างยิ่งหากเราท่านในฐานะชาวพุทธควรจักมีหลักการใดที่เหมาะสมจะทำให้พระศาสนายั่งยืนยาวนาน?ตอกย้ำประเด็นสำคัญที่ว่า “วัด” และ “พระสงฆ์ไทย” ในพุทธศาสนา ควรจักมีธนาคารพุทธศาสนาหรือไม่ คงจักมีวาระแห่งชาติของรัฐบาล หรือวิสัยทัศน์ทั้งผู้นำแห่งรัฐ พระมหาเถระในมหาเถรสมาคม และชาวพุทธทั่วๆไป จักมองถึงความเชื่อมั่น ศรัทธา ความยั่งยืนแห่งคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงฝากไว้ก่อนหมดลมหายใจก็คือ “พระธรรมวินัยจักเป็นศาสดาแทนเราหลังจากปรินิพพานไปแล้ว”ถึงตรงนี้ เฉลิมพล พลมุข ฝากทิ้งท้ายว่า เราและท่านทั้งหลายล่ะ (ชาวพุทธ) มีหลักการในธนาคารพุทธศาสนา... คิดเห็นเป็นเช่นใดกันบ้าง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม