แฉคลิปเสียง “สีกาเก็นแบล็กเมล์สมีแย้ม” ขู่ขอเงินติดค่างวดเว็บพนันรวม 2 ล้านบาท หากไม่ให้จะแฉคลิปเซ็กซ์โฟน ตำรวจตรวจพบเงินหมุนเวียนบัญชีสีกาเก็นตั้งแต่ปี 59 รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนหมอเตยและสามีทหารเรือเป็นผู้มีอิทธิพลกุมบังเหียนภายในวัด ปปง.แจงสมีแย้มถือเป็น “เจ้าพนักงาน” เข้าข่ายความผิดฟอกเงินเตรียมยึดทรัพย์ ขณะที่ พศ.ตั้งกองกฎหมายคุมเข้มการเงินวัดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
คดียิ่งขุดคุ้ยยิ่งขยายวงกว้างกับเส้นทางการเงินที่วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือสมีแย้ม หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ยักยอกเงินวัดไปเล่นการพนันออนไลน์ และเปย์เงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือเก็น วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี สาวคนสนิทกว่า 800 ล้านบาท ตำรวจ บช.ก.ตรวจบัญชีวัดจำนวน 53 บัญชี พบมี 2 บัญชีสมีแย้มอมเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์มานานกว่า 3 ปี นอกจากนี้ยังมีเส้นเงินที่ไปเกี่ยวพันกับเว็บการพนันหลายร้อยล้านบาท
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. นายบุญเชิด กิตติธรางกูล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายคณพศ หงสาวรางกูร ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตภ.3) นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด
...
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยลงพื้นที่และเก็บข้อมูลรายละเอียดมาเพิ่มเติม ขณะนี้มุ่งเน้นไปที่การหยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัด ต้องแยกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบุคคลไม่ใช่ส่วนรวม การสืบสวนมีทั้งการส่งคนไปสอดแนมเก็บข้อมูลรวบรวมหลักฐาน และการสืบสวนทางเทคโนโลยีจนสามารถได้ข้อมูลมา
พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาผู้บังคับบัญชาสั่งการให้เร่งตรวจสอบพร้อมกำชับว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีมูลต้องชี้แจงให้เกิดความเป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายใคร ก่อนจะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ชุดวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งบัญชีวัด การใช้จ่าย และการโยกย้ายเงินต่างๆ ส่วนอีกชุดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ภายในวัด เพื่อรวบรวมข้อมูล สืบหาผู้เกี่ยวข้องและตรวจสอบพฤติกรรม ตลอดจนความเชื่อมโยงของบุคคลต่างๆที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้เงินวัดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม การรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พบความน่าเชื่อถือว่าอดีตเจ้าอาวาสยักยอกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว มีทั้งนำเงินไปให้บุคคลอื่นในวัดใช้ และนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นเล่นการพนัน
ด้าน พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. กล่าวว่า ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังตั้งแต่ปี 64 พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท ล่าสุดขยายผลตรวจบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งของวัดและมูลนิธิจำนวน 51 บัญชี และบัญชีส่วนตัวของสมีแย้มอีก 21 บัญชี รวมทั้งของ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือสีกาเก็นอีก 12 บัญชี เน้นไปที่เงินหมุนเวียนของสีกาเก็นที่เป็นผู้รับผลประโยชน์พบว่า ตั้งแต่ปี 59 ตรวจเจอบัญชีมีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท พบช่องทางการรับเงิน 4 ช่องทางประกอบด้วย 1.ฝากเงินสดเข้าบัญชี 2.รับโอนเงินจากอดีตเจ้าอาวาสโดยตรง 3.โอนเงินจากพระเอกพจน์ คนสนิทสมีแย้ม และ 4.รับโอนเงินจาก พ.จ.อ.ฉัตรชัย สามีของหมอเตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวตำรวจยังเปิดคลิปเสียงระหว่างสมีแย้มกับสีกาเก็นพูดคุยกันมาเผยแพร่ หลังจบคลิปเสียง พล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยว่า ในคลิปพูดถึงเรื่องต้องโอนเงินเข้าระบบการเล่นการพนันที่ค้าง 4 งวด เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท เข้าใจว่าเป็นสมีแย้มโอนเงินให้สีกาเก็นไปเล่นการพนัน และจากข้อมูลโทรศัพท์สมีแย้มยังไม่พบความสัมพันธ์จากสมีแย้มเล่นพนัน แต่สมีแย้มทราบว่าสีกาเก็นนำไปเล่นการพนัน จากข้อมูลสีกาเก็นเป็นเด็กข้างวัด เรียนอยู่ที่วัดไร่ขิง ตอนอยู่มัธยมต้นมาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัด หลังจากนั้นออกไปทำงาน ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอไปขอร้องหยิบยืมสมีแย้ม เพราะสมีแย้มเคยพูดว่าเป็นเด็กวัดไร่ขิง มีแหวนวัดไร่ขิง ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาพบหลวงพ่อ สีกาเก็นยืมเงิน 50,000-60,000 บาท สมีแย้มให้เงินช่วยเหลือไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยอีกว่า หลังจากนั้นทั้งคู่เริ่มติดต่อสัมพันธ์พูดคุยกันทุกวัน สมีแย้มโอนเงินช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงขั้นพูดโชว์หน้ากันและเริ่มเซ็กซ์โฟน ทำให้เงินของวัดเริ่มไหลออกจากบัญชีวัดเรื่อยๆ ช่วงแรกยังยืนยันไม่ได้ว่าสมีแย้มกับสีกาเก็นมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ แต่ตรวจสอบว่าช่วงปี 63-ปลายปี 67 เริ่มมีเงินไหลออกจากบัญชี ช่วงหวานปี 63 ส่วนช่วงขมปลายปี 67 คลิปเสียงคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี 67 ทั้งคู่โต้แย้งกันเรื่องของเงินที่จะไปเล่นการพนัน สมีแย้มหมดทางที่จะไปต่อ เงินวัดร่อยหรอ และไม่รู้จะไปยืมเงินใคร สมีแย้มรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ต่อมาอีก 2 เดือน ประมาณเดือน ธ.ค.67 สีกาเก็นและสามีถูกตำรวจไซเบอร์จับกุม และไปขอความช่วยเหลือจากสมีแย้มอีกครั้ง พูดกับสมีแย้มว่าคลิปต่างๆที่มีอยู่รวมถึงคลิปเซ็กซ์โฟนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ยึดไป เพื่อแบล็กเมล์สมีแย้มให้เข้าช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเข้าข่ายการรีดทรัพย์สมีแย้มหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า เรื่องนี้มองเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการทุจริต ส่วนเรื่องที่ 2 คืออุบายเเบล็กเมล์ อย่างไรก็ตาม สมีแย้มได้กระทำผิดสำเร็จแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหลักฐาน ส่วนกรณีหมอเตยและสามีทหารเรือเป็นเรื่องที่ตรวจสอบรายละเอียดลึกลงไป พบว่าทั้งคู่เข้ามารู้จักกับเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 51 พบว่าหมอเตยเป็นหมอดูร่างทรงไม่ใช่หมอรักษาโรค และยังพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกับสมีแย้มอย่างมากในการบริหารจัดการภายในวัด สิ่งที่พบคือร้านค้าสวัสดิการในวัดมีคนมาร้องว่าไปซื้อกาแฟ แต่บัญชีในการสแกนไม่ใช่ชื่อของวัด แต่เป็นชื่อของบุคคลจะต้องสืบสวนดำเนินการต่อ
...
รอง ผบช.ก.เผยอีกว่า หมอเตยเคยเขียนหนังสือความเชื่อมโยงเมื่อชาติปางก่อนว่า สมีแย้มกับหมอเตยมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ข้อมูลนี้เป็นการสอบถามข้อมูลจากคนใกล้ชิด ยังหาพยานหลักฐานไม่ได้ว่าทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหรือไม่ และยังพบว่าในช่วงแรกทางสมีแย้มดุด่าว่ากล่าวหมอเตย ช่วงหลังๆเปลี่ยนไปไม่ฟังเสียงคนอื่น นอกจากนี้ยังพบอีกว่าตั้งแต่ปี 51 มีผู้ชาย 5 คน เข้ามาเกี่ยวข้องกับหมอเตยอีกเช่นกัน ยังไม่ทราบตอนนี้ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเรียกทั้ง 5 คนมาให้ปากคำ
มีรายงานว่าตำรวจตรวจสอบข้อมูลการเงินอย่างละเอียดของวัดไร่ขิง รวมถึงบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินของวัด โดยเฉพาะสมีแย้มพบว่า เจ้าตัวมีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา ภายในมีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารคล้ายรีสอร์ตหรือสถานที่พักผ่อนตั้งอยู่ใกล้กับค่ายลูกเสือ วัดไร่ขิง ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ขณะนี้ตำรวจ บก.ปปป. อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าที่ดินผืนดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และการได้มาซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวถูกต้องโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ขณะที่ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า บัญชีวัดพบความผิดปกติหลายรายการ น่าจะเป็นการทำบัญชีไม่โปร่งใส เช่น การเปิดเช่าร้านค้างานประจำปี หนึ่งปีจะมีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท เดิมทีมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารวัด แต่หลังจากปี 63 เป็นต้นมา กลับเป็นการนำเงินสดไปมอบให้กับเจ้าอาวาสในกุฏิแทน ยอดรวมเบื้องต้นทราบว่าประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบเงินจากกฐินเข้าบัญชีอดีตเจ้าอาวาสอีก 20 ล้านบาท และยังมีเงินจากจำหน่ายวัตถุมงคลยังไม่ระบุจำนวนแน่ชัด ตรวจสอบพบผู้เกี่ยวข้อง 2 คน เป็นสามีภรรยากัน ที่มาที่ไปในการเปิดร้านค้าสวัสดิการเป็นที่น่าสงสัย ป.ป.ท.จะต้องไปตรวจสอบในเชิงลึกและติดตามทรัพย์สินต่อไป
...
พ.ต.ท.สิริพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตรวจสอบพบวงแรก ตรวจเจอประมาณเกือบ 10 คนที่เกี่ยวข้องเป็นคนใกล้ชิดกับสมีแย้ม รวมถึงสีกาเก็นและพระรูปอื่นๆด้วย อีกทั้งยังพบการฝากถอนเฉพาะบัญชีเดียว (บัญชีวัด) 20,000 รายการ และยังนำเงินไปซื้อที่ดินที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อีกหลายแปลง ใช้ชื่อของ น.ส.อรัญญาวรรณเป็นผู้ถือครองด้วย
ด้านนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย ปปง.เปิดเผยว่า ต้องพิจารณาว่าการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในฐานใด ในกรณีนี้อดีตเจ้าอาวาสถือเป็น “เจ้าพนักงาน” ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นความผิดมูลฐาน จากนั้น ปปง.จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและอายัดหรือยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ บก.ปปป. พบว่ารายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้แก่สมีแย้มและผู้มีความเกี่ยวพันอีกจำนวนหนึ่ง
นายสุทธิศักดิ์เผยอีกว่า ตรวจพบธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากมีความผิดปกติ นำหลักฐานดังกล่าวส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนต่อเพื่อหาว่าใครเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนี้บ้าง ขณะนี้ ปปง.เริ่มขยายผลการตรวจสอบเป็น 3 วงด้วยกัน ได้แก่ วงที่ 1 ผู้กระทำความผิดโดยตรง วงที่ 2 และ 3 ผู้ที่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์ อาจครอบคลุมถึงบุคคลภายนอกหรือเครือข่ายที่รับผลประโยชน์ หน้าที่ของ ปปง. จะเน้นในด้านการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันทางการเงินที่มีการรายงานธุรกรรมเข้ามา
นายบุญเชิด กิตติธรางกูล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า วัดทั่วประเทศกว่า 40,000 แห่ง ในปัจจุบันจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เป็นบัญชีในรูปแบบพื้นฐานที่มีมาตรฐาน ตัวอย่างจากวัดนำร่อง 75 แห่ง ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดทำไว้เป็นต้นแบบ อย่างไรก็ตาม คดีวัดไร่ขิงทำให้เกิดการทบทวนระบบการบริหารจัดการวัดอย่างจริงจัง สมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางในการนำเสนอข้อปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แสดงถึงความห่วงใยของพระองค์ท่านต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
...
“สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะจัดตั้งกองส่งเสริมการจัดการสาธารณสมบัติของวัดควบคู่กับกองกฎหมาย และกองกิจการในตำรวจสังฆราช จะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิ.ย. 2568 ทั้ง 3 กองนี้จะมีภารกิจตามกฎหมายอย่างชัดเจน และมีโครงสร้างรองรับในการแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพย์สินวัดในเชิงลึก” นายบุญเชิดกล่าว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่