“นครบาล” ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีตึก สตง.ถล่มลอตแรก รวม 17 คน ฐานเป็นผู้มีวิชาชีพออกแบบ ควบคุม ก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย มีทั้งวิศวกร คนออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และกิจการร่วมค้าติดร่างแห รวมทั้ง “เปรมชัย กรรณสูต” กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทอิตาเลียนไทยฯด้วย แจงหลักฐานกับศาลยิบ ผิดตั้งแต่แบบแปลนการก่อสร้าง ไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวงและมาตรฐาน ที่สำคัญปล่องลิฟต์ไม่ได้อยู่กลางอาคารแต่ไปอยู่ด้านหลัง เมื่อเกิดแผ่นดินไหวทำให้อาคารแกว่งตัวถล่มลงมา รวมทั้งผลตรวจปูนซีเมนต์และเหล็กพบตกมาตรฐาน ด้าน “สมเกียรติ ชูแสงสุข” ฐานะวุฒิวิศวกรรอด เพราะผลพิสูจน์พบถูกปลอมลายมือชื่อจริง กทม.ถอนกำลังออกจากจุดเกิดเหตุตึก สตง.ถล่ม แต่ ตำรวจนครบาลเสียบอายัดพื้นที่ต่อทันที รอให้ทุกคณะตรวจสอบเสร็จงานก่อนถึงคืนพื้นที่
กรณีการสืบสวนคลี่คลายคดีอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 28 มี.ค. การรื้อซากเพิ่งเสร็จสิ้น ขณะที่การสืบสวนสาเหตุการถล่มโดย 2 หน่วยงานประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินการทุกความผิด สถานการณ์เริ่มคลี่คลายหลังมีกระแสข่าวว่า คณะพนักงานสอบสวน บช.น.ซุ่มขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว
ความคืบหน้าจากจุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 พ.ค. กรุงเทพมหานคร (กทม.) ดำเนินการปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร บริหารจัดการเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหวในพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่พังถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 92 คน บาดเจ็บ 9 คน และยังสูญหายอีก 4 คน บรรยากาศภายในพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่เทศกิจและกองสิ่งแวดล้อม เขตจตุจักร ทยอยเก็บสิ่งของ รื้อเต็นท์ รั้ว และขนอุปกรณ์ต่างๆกลับ
...
ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ประกาศยกเลิกเขตภัยพิบัติแผ่นดินไหว พร้อมคืนพื้นที่ให้ตัวแทน สตง. ขณะที่ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ และคณะพนักงานสอบสวนปิดประกาศอายัดพื้นที่ไว้สอบสวนต่อทันที โดยมี น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.ร่วมเป็นสักขีพยาน
น.ส.ทวิดา กมลเวชช กล่าวภายหลัง กทม.ส่งมอบพื้นที่คืนให้ สตง. และตำรวจเข้าอายัดพื้นที่ต่อทันทีว่า อย่างที่ทราบขณะนี้เสร็จสิ้นภารกิจการค้นหาผู้ติดค้างในซากตึก สตง.ถล่มแล้ว พื้นที่ที่เคยถูกประกาศเป็นพื้นที่สาธารณภัยมีปฏิบัติการค้นหาได้สิ้นสุดลง แต่ทางปฏิบัติยังมีการเก็บหลักฐานและตรวจสอบจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และ สน.บางซื่อ มีผลตั้งแต่เวลา 16.00 น. ด้าน พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า สำหรับการเปลี่ยนมือดูแลพื้นที่ บก.น.2 มอบหมายให้ สน.บางซื่อ ดูแลต่อจนกว่าการเข้าเก็บหลักฐานแล้วเสร็จ ระหว่างนี้ถ้าใครต้องเข้าพื้นที่ให้ขออนุญาตตำรวจ สน.บางซื่อ มีผลตั้งแต่ 16.00 น.วันเดียวกันนี้
ด้านการสอบสวนคลี่คลายคดีของคณะทำงานตำรวจนครบาล หลัง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. แต่งตั้ง พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น.เป็นหัวหน้าคณะ และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เป็นรองหัวหน้าคณะ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารและพยานบุคคลพบว่า แบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวงและมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ไม่ได้อยู่กลางอาคารแต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่ออาคารแกว่งตัวจากแผ่นดินไหวทำให้กำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังทรุดตัวลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว
ส่วนการตรวจปูนซีเมนต์ที่ใช้ก่อสร้างอาคารผลออกมาว่า ความแข็งแรงของคอนกรีตไม่ได้มาตรฐาน ตามค่า KSC และการตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บได้ปรากฏว่า มีบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบเช่นกัน จากการ ตรวจลายมือชื่อของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อลงไปฐานะวุฒิวิศวกรจากกอง พิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า ตัวอย่างลายมือชื่อที่ส่งเปรียบเทียบมีคุณสมบัติการเขียนรูปลักษณะของลายมือชื่อแตกต่างกับตัวอย่างลายมือชื่อนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน
จากหลักฐานข้างต้นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม เป็นผู้มีวิชาชีพออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้กระทำความผิดดังนี้ กลุ่ม 1 บริษัทผู้ออกแบบ ประกอบด้วย บริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัทไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ทำสัญญาระหว่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง 5 คน รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 คน
กลุ่ม 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้างกิจการร่วมค้า PKW จำนวน 1 ราย ฐานะส่วนตัว เนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ทั้ง 3 บริษัทตกลงยินยอมรับผิดร่วมกัน และแทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี ประกอบด้วย 1.บริษัทพี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 3.บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 คน กลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง 1.บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีอำนาจกระทำการแทนกิจการร่วมค้า ITD-CREC รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 คน
...
รายงานล่าสุดว่า คณะพนักงานสอบสวน บช.น.รวบรวมพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลอาญา อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน ทั้งฐานะนิติบุคคลและส่วนตัว ฐานเป็นผู้มีวิชาชีพออกแบบ ควบคุม หรือก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 และมาตรา 238
ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ 1 นายสุชาติ ชุติปภากร อายุ 64 ปี อยู่เลขที่ 36/3 ซอยลาดปลาเค้า 24 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. ผู้ต้องหาที่ 2 นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี อยู่เลขที่ 400/433 หมู่ 8 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาที่ 3 นายธีระ วรรธนะทรัพย์ อายุ 59 ปี อยู่เลขที่ 560/23 ถนนสุขาภิบาล ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ผู้ต้องหาที่ 4 นายสุพล อัครอารีสุข อายุ 51 ปี อยู่เลขที่ 62/182 หมู่ 4 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาที่ 5 นายชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์ อายุ 43 ปี อยู่เลขที่ 1515/15 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. ผู้ต้องหาที่ 6 นายอภิชาติ รักษา อายุ 38 ปี อยู่เลขที่ 176/15 ถนนประชาราษฎร์ 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. ผู้ต้องหาที่ 7 นายปฏิวัติ ศิริไทย อายุ 53 ปี อยู่เลขที่ 63/123 หมู่ 12 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาที่ 8 นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก อายุ 51 ปี อยู่เลขที่ 132/64 ซอยนวมินทร์ 163 แยก 17 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ผู้ต้องหาที่ 9 นายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช อายุ 56 ปี อยู่เลขที่ 318/1 ถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม.
ผู้ต้องหาที่ 10 นางปราณีต แสงอลังการ อายุ 63 ปี อยู่เลขที่ 529/53 ซอยลาดพร้าว 126 (กรัณฑ์พร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ผู้ต้องหาที่ 11 นายสมชาย ทรัพย์เย็น อายุ 59 ปี อยู่เลขที่ 84/156 ซอยพุทธมณฑลสาย 2 ซอย 24 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ผู้ต้องหาที่ 12 นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 71 ปี อยู่เลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ผู้ต้องหาที่ 13 นางนิจพร จรณะจิตต์ อายุ 73 ปี อยู่เลขที่ 10 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ผู้ต้องหาที่ 14 นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี สัญชาติจีน อยู่เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. ผู้ต้องหาที่ 15 นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา อายุ 65 ปี อยู่เลขที่ 16/2 ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 8 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. ผู้ต้องหาที่ 16 นายอนุวัฒ คันษร อายุ 54 ปี อยู่เลขที่ 1/1 ซอยรามอินทรา 117 แยก 3 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. ผู้ต้องหาที่ 17 นายธิปัตย์ รัตนวงษา อายุ 43 ปี อยู่เลขที่ 50 หมู่ 5 ต.ท่าตูม อ.เมืองมหาสารคาม
...
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การขออนุมัติศาลออกหมายจับครั้งนี้ถือเป็นลอตแรกในคดีอาคาร สตง.ถล่ม ทั้ง 17 คนถูกออกหมายจับฐานะส่วนตัวและมีตำแหน่งในนิติบุคคล อาทิ นายเปรมชัย กรรณสูต ถูกออกหมายจับในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ยืนยันว่าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีอาคาร สตง.ถล่ม ประสานเข้ามอบตัววันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น. ที่ สน.บางซื่อ แล้ว ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมยืนยันว่า ผู้ต้องหาทั้ง 17 คน รวมถึงนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ประสานเข้ามอบตัววันที่ 16 พ.ค. ทั้งนี้ แม้จะประสานเพื่อเข้ามอบตัวแล้ว แต่หากตำรวจเจอตัวที่ไหนก็พร้อมเข้าจับกุมได้ทันทีเช่นกัน ตามขั้นตอนตำรวจจะสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการสอบปากคำ จะคุมตัวส่งฝากขังศาลอาญาทันที พนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่