การระบาดโรคแอนแทรกซ์ “ใน จ.มุกดาหาร คร่าชีวิตผู้บริโภคเนื้อวัว 1 รายนั้น” กำลังสะท้อนเตือนภัยให้เห็นถึงความเปราะบางในการควบคุมโรคติดต่อจากสัตว์ข้ามพรมแดน โดยเฉพาะตามแนวตะเข็บชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มักเกิดการระบาดซ้ำอยู่เป็นระยะ

แม้ประเทศไทยมีกฎหมาย “ควบคุมโรคในสัตว์เข้มงวด” แต่ก็มีการลักลอบนำเข้าสัตว์-เนื้อสัตว์ให้เห็นเป็นประจำแล้วเมื่อพิจารณา จ.มุกดาหาร ก็เป็นจังหวัดแนวชายแดนติดกับประเทศลาวที่เกิดการระบาดโรคแอนแทรกซ์อยู่บ่อยครั้งมีการลักลอบนำเข้าสัตว์ “ไม่ผ่านการตรวจสอบโรค” อันเป็นปัจจัยให้เชื้อเข้าแพร่ระบาดได้หรือไม่

เรื่องผู้บริโภคเนื้อวัวติดแอนแทรกซ์นี้ รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หน.ศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก รพ.จุฬาลงกรณ์ และอาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า

จริงๆแล้ว “ประเทศไทยคัดกรองโรคแอนแทรกซ์ค่อนข้างดีมาก” โดยมีมาตรการการตรวจและคัดกรองโรคในสัตว์อย่างเข้มงวดให้ระบบผลิตเนื้อสัตว์มีความปลอดภัยสูง “การระบาดโรคแอนแทรกซ์ในประเทศก็เกิดขึ้นน้อยลง” ส่วนใหญ่มักพบการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีมาตรการควบคุม หรือการคัดกรองโรค

...

อย่างล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว “สปป.ลาว” ก็เกิดการระบาดโรคแอนแทรกซ์จากการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายผิดปกติ “มีผู้ติดเชื้อหลายร้อยราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตด้วย” เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างของระบบการเฝ้าระวังการคัดกรองสุขภาพสัตว์ “ยังไม่ครอบคลุม” ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

ถ้าย้อนมาดู “การระบาดโรคแอนแทรกซ์ใน จ.มุกดาหาร” ตามรายงานเกิดจากการสัมผัสบริโภคเนื้อวัวป่วยตายแล้วนำเนื้อแจกจ่ายให้รับประทานกันในหมู่บ้าน เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกรมควบคุมโรค และกรมปศุสัตว์ สืบหาต้นตอว่าวัวตัวดังกล่าวมีแหล่งมาจากที่ใด เคลื่อนย้ายจากพื้นที่ใด และผ่านกระบวนการตรวจสอบหรือไม่

เพราะเท่าที่ทราบ “การระบาดโรคแอนแทรกซ์ในไทย” ส่วนใหญ่มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยมาจากพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างปี 2543 “เคยเกิดระบาดที่นำสัตว์ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านมารับประทาน” แล้วในปี 2560 ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อชำแหละแพะนำเข้าจากประเทศเมียนมาที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบคัดกรองสัตว์เช่นกัน

“การเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าใน-ออกนอกประเทศมักมีกฎหมายควบคุมเข้มงวดในการป้องกันมิให้เกิดการระบาดของโรคสำหรับสัตว์ เช่นนี้การระบาดเชื้อแอนแทรกซ์ใน จ.มุกดาหาร อาจเป็นการลักลอบสัตว์ป่วยเข้ามาก็ได้ เรื่องนี้คงต้องรอผลการสอบสวนโรคหาที่มาที่ไปอีกครั้งจึงจะสามารถสรุปสาเหตุได้แน่ชัดเจน” รศ.นพ.โอภาส ว่า

ย้ำต่อว่าโรคแอนแทรกซ์เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย “จัดอยู่ในโรคติดต่อสัตว์สู่คน” จากสัตว์ประเภทเลี้ยงลูก เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ต้นกำเนิดพบบ่อยในแถวแอฟริกาอันมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการคงอยู่สปอร์ในดินเพียงแต่ปัจจุบัน “การระบาดน้อยลง” เพราะเรารู้วิธีการเฝ้าระวังควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนการติดเชื้อจากสัตว์สู่คนนั้น “มักมาจากสัตว์ป่วย” แล้วก็จะมีการสร้างสปอร์ที่มีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมสูงอยู่ในดิน หรือในสิ่งแวดล้อมสามารถติดต่อมาสู่คน 3 ช่องทาง คือ ช่องทางแรก...“ติดเชื้อผ่านทางผิวหนังโดยสัมผัสสัตว์ป่วย” หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมมักมีอาการเป็นตุ่มพองมีน้ำใสภายใน 7 วัน

แล้วเริ่มยุบตรงกลางเป็นเนื้อตายสีดำ “คล้ายแผลบุหรี่จี้รอบๆ” อาการระยะแรกมักไม่รุนแรงแผลที่เกิดขึ้นจะไม่คัน ไม่ปวด หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้ผู้ป่วยละเลยไม่เข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หรือการแพร่เชื้อต่อไปในชุมชนหากไม่ได้รับวินิจฉัยให้ทันท่วงที

ช่องทางที่สอง...“ติดเชื้อผ่านทางเดินอาหาร” ด้วยการบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยไม่ปรุงสุกสามารถติดเชื้อได้ตั้งแต่ “คอหอย” จะมีอาการเจ็บคอคล้ายทอนซิลอักเสบ กลืนแล้วเจ็บ หน้าบวม แล้วก็ติดเชื้อรุนแรงตามมา หากเชื้อลงไป “ลำไส้เล็ก–ลำไส้ใหญ่” จะมีอาการอักเสบรุนแรงเลือดออกภายใน ทำให้ท้องเสียอุจจาระเป็นเลือด

เหตุนี้การรับประทานอาหารสุกอาจลดโอกาสติดเชื้อได้ “หากจะให้ปลอดภัยควรรู้ที่มาของสัตว์ก่อนบริโภค” ฉะนั้นการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ต้องมีแหล่งน่าเชื่อถือ เช่น ตลาดสดผ่านการตรวจจากปศุสัตว์ ร้านค้ามีใบอนุญาต ห้างสรรพสินค้ามีระบบตรวจสอบย้อนกลับ แต่ไม่ควรซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งลักลอบ หรือสัตว์ที่ตายผิดปกติ

ช่องทางที่สาม...“ติดเชื้อผ่านทางเดินหายใจ” คล้ายติดเชื้อระบบหายใจตั้งแต่ทางเดินหายใจ ปอด เกิดการอักเสบ “เพียงแต่การติดเชื้อนี้เกิดขึ้นได้น้อย” เพราะสปอร์ไม่ฟุ้งกระจายง่ายมักจะเกาะตัวเป็นก้อนตกในดิน

...

สำหรับการวินิจฉัยโรค “ตรวจหาเชื้อได้ในเลือด แผล สิ่งขับถ่าย” ปัจจุบันรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อเพียงแต่ต้องตรวจวินิจฉัยให้เร็วใน 5-7 วัน มิเช่นนั้นเชื้อจะเข้ากระแสเลือดไปสู่ปอด หรือสมอง โอกาสรอดก็มีน้อยลง

ส่วนการป้องกัน “กลุ่มเสี่ยงสัมผัส หรือกินเนื้อวัวติดเชื้อ” ต้องกินยาป้องกัน 7 วัน แต่สำหรับสหรัฐอเมริกาจะมีวัคซีนฉีดป้องกันโรค “ไทยยังไม่มีวัคซีน” เพราะราคาแพงยังต้องใช้ยารักษาโรคเป็นหลัก

ความจริงแล้ว “แอนแทรกซ์ติดเชื้อจากคนสู่คนได้ยาก” ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการติดเชื้อจากคนสู่คน คงมีแต่จากสัตว์สู่คนเท่านั้น เว้นแต่มีการสัมผัสสารคัดหลั่งบางตำแหน่งอาจมีโอกาสติดเชื้อได้ อย่างเช่น เลือด น้ำเยื่อหุ้มปอด เป็นจุดมีเชื้อฝักตัวอยู่มาก แต่หากเป็นเหงื่อ น้ำลาย มีเชื้อน้อย

ย้ำต่อว่า “การระบาดโรคแอนแทรกซ์ใน จ.มุกดาหาร” น่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้ในวงจำกัดกลุ่มผู้สัมผัส หรือบริโภควัวตายผิดปกติ แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เห็นถึงความเสี่ยงของโรคยังคงมีอยู่โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นช่องทางนำโรคเข้ามาสู่ประเทศได้

...

ดังนั้นต้องเสริมสร้างระบบควบคุมชายแดนให้เข้มแข็งและป้องกันการลักลอบจริงจัง นอกจากนี้ต้องให้ความรู้สร้างความตระหนักแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันโรคแอนแทรกซ์ เช่น ไม่บริโภคเนื้อสัตว์จากแหล่งไม่ปลอดภัย หรือตระหนักถึงสัตว์ตายผิดปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้ถูกต้อง

ฉะนั้นแม้ประเทศมีระบบคัดกรอง และควบคุมโรคมีประสิทธิภาพเพียงใด หากประชาชนยังขาดความเข้าใจตระหนักรู้ก็อาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงการบริโภคสัตว์ป่วยตาย การซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งลักลอบ หรือไม่เข้ารับการรักษา เมื่อเริ่มมีอาการก็จะนำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคขึ้นซ้ำอีกได้เช่นเดิม.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม