บทที่ 27 หนังสือคารมคมปัญญา ข้อคิดทรงคุณค่า เพื่อชีวิตที่งดงาม (สำนักพิมพ์สุขภาพใจ พ.ศ.2568) ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม เรียบเรียงจากคัมภีร์หารเฟยจื่อ ยุคจั้นกว๋อ ตั้งชื่อเรื่อง เล่ห์ลิ้นลมลวง
เจิ้งอู่กง เจ้านครรัฐเจิ้ง ต้องการยึดรัฐหู ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่แทนที่จะยกกองทัพไปโจมตี เขากลับแต่งทูตพร้อมเครื่องบรรณาการไปเจรจาขอผูกไมตรี
และบรรณาการที่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นยกพระราชธิดาให้อภิเษกสมรสกับเจ้านครรัฐหู...เลอค่าเอาถึงขนาดนั้น
มีหรือ?เจ้านครรัฐหูจะไม่รับไว้อย่างเต็มใจยิ่ง
จากนั้นไม่นานในการออกว่าราชการครั้งหนึ่ง เจิ้งอู่กง หยั่งถามความเห็นขุนนางทั้งปวงว่า
“ข้าคิดจะขยายเขตแดนรัฐเจิ้งออกไป เจ้าทั้งหลายเห็นว่า ควรบุกยึดรัฐใดจึงจะดี?”
“ควรบุกยึดรัฐหูก่อน”
ขุนนางผู้ถวายความเห็นกวานฉีซือ เขาทำให้ทุกคนเข้าใจว่า อ่านใจเจ้ารัฐเจิ้งออกแต่ผิดคาด
“บังอาจ” เจิ้งอู่กงบันดาลโทสะ “รัฐหูกับเรา เป็นญาติเกี่ยวดองกัน เจ้ากลับกล้าเสนอให้บุกยึด”
ประโยคต่อไป เกินเลยกว่าที่ทุกขุนนางคาดไว้มาก
“ทหาร เอาตัวมันไปตัดหัวประจาน อย่าให้ใครผู้ใดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
คำสั่งครั้งนี้ ไม่เพียงตื่นตกใจกันไปทั่วท้องพระโรง ข่าวนี้แพร่ออกไปถึงรัฐใกล้เคียง เจ้านครรัฐหูทราบเรื่องก็ยิ่งเพิ่มความซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจของเจิ้งอู่กง
ความซาบซึ้งนำไปสู่การหมดความระแวงสงสัย เจ้านครรัฐหูเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดกวดขันระหว่างชายแดนสองรัฐ ความรู้สึกนี้ ยังนำไปสู่พลทหารและม้าศึกที่ขาดการฝึกปรือ
เจ้านครรัฐหูก็สนใจอยู่กับการเสพสุขกับพระราชธิดารัฐเจิ้ง ไม่เพียงนั้น ยังมีสนมกำนัลงดงามนับร้อย
...
และแล้วก็มาถึงกลางดึกคืนนั้น กองทหารของเจิ้งอู่กงก็บุกเข้ายึดรัฐหูไว้ได้อย่างง่ายดายรวดเร็วเกินกว่าเจ้านครรัฐหูจะตั้งตัวทัน
ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม มีข้อคิด...ข้อคิดแรก ผลร้ายจากความประมาทของเจ้านครรัฐหูอาจทำให้หลายคนไม่กล้าหลงเชื่อใจใครง่ายๆ บางคน เรียนรู้ความเจ้าเล่ห์แสนกลของเจิ้งอู่กงที่หวังจะเป็นผู้ชนะเท่านั้น
เข้าเค้ากับภาษิตโบราณ “อยากทำลายต้องให้ลำพอง อยากจะยึดครองต้องให้ตายใจ”
ประสิทธิ์ยังคุยต่อเรื่องนี้มีผู้โชคร้ายที่ไม่ควรมองข้ามหลายคน
คนแรก พระราชธิดาของเจิ้งอู่กง ผู้หญิงที่เกิดมาในสถานะผู้สูงศักดิ์แต่ถูกพระราชบิดาใช้เป็นเหยื่อล่อทางกามารมณ์ เจ้าหญิงอาจไม่รู้แผนลับของผู้เป็นพ่อ เมื่อถูกส่งไปก็พยายามทำหน้าที่ภรรยาดี ตามประเพณีทั่วไป
แต่เมื่อบิดากลายเป็นศัตรูกับสามีที่ถูกโจมตียึดเมืองไปแล้ว เจ้าหญิงองค์นี้จะมีความรู้สึกอย่างไร?
กวานฉีซือขุนนางผู้ภักดี ขุนนางผู้หวังจะเอาใจเจ้านาย เขาฉลาดแต่ขาดความเฉลียวไม่รู้กาลเทสะ พูดในสิ่งไม่รู้ว่าไม่สมควรพูด จึงกลายเป็นเหยื่อสังเวยแผนชิงเมืองของเจ้านายไปโดยไม่รู้ตัว
คนที่สาม คนสุดท้าย ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม ใช้คำว่าเป็นคนน่าสงสารที่สุด คือตัวเจิ้งอู่กงเอง
การที่ใช่ร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมกับลูกน้องตัวเอง ไม่เว้นลูกสาวตัวเอง มีผลให้ขาดความนับถือศรัทธาจากบริวารทุกคน มีผลให้กองทัพ ขุนนาง ราษฎร ขาดความประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว
ไม่นานรัฐเจิ้ง รัฐหนึ่งในยุคจั้นกว๋อ (พ.ศ.67-332) ก็ถูกรัฐอื่นบดขยี้ให้ล่มสลายไม่อาจอยู่ยั้งยืนยง เป็นรัฐผู้พิชิตแถวหน้าอย่างที่ปรารถนา
ความยิ่งใหญ่ที่ได้จากการช่วงชิงเอาเป็นเอาตาย ได้พิสูจน์ว่าเป็นความยิ่งใหญ่ชั่วขณะ นี่คือสัจธรรมที่พิสูจน์แล้วกว่าสองพันปี หรือจะว่าไปกระทั่งในสมัยนี้.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม