กรมควบคุมโรคยันพบผู้ป่วย ชายวัย 53 ที่ จ.มุกดาหาร ติดเชื้อแอนแทรกซ์เสียชีวิต 1 ราย หลังร่วมวงชำแหละเนื้อวัวในงานบุญผ้าป่าแจกจ่ายกันในหมู่บ้าน ส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่พบมีผู้สัมผัส 247 คน แยกเป็นคนเชือด 28 คน และกินเนื้อดิบ 219 คน ก่อนให้ยาในกลุ่มเสี่ยงสูง พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อรอบจุดชำแหละ และตั้งจุดสกัดการเคลื่อนย้ายสัตว์ เตือนใครมีอาการผิดปกติ มีไข้ ไอ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ผิวหนังมีตุ่มหนองเป็นแผลสีดำให้รีบพบแพทย์ด่วน
สาธารณสุขส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ตรวจสอบการแพร่ระบาดโรคแอนแทรกซ์ หลังชาวมุกดาหารกินเนื้อวัวชำแหละงานบุญผ้าป่าในหมู่บ้านเสียชีวิต 1 ศพ พร้อมเฝ้าระวังคนกินเนื้อดิบอีกกว่า 200 คน อย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ค. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยกรณีพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) 1 รายใน จ.มุกดาหารว่า ผู้ป่วยเป็นเพศชายอายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้าง มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน เริ่มมีตุ่มแผลขึ้นบริเวณมือข้างขวาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในวันที่ 27 เม.ย. ด้วยอาการแผลที่มือเริ่มมีสีดำชัดเจนขึ้น ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ข้างขวาโต และมีอาการหน้ามืด ชักเกร็งก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นพ.ภาณุมาศกล่าวว่า ขณะเข้ารับการรักษาแพทย์สงสัยโรคแอนแทรกซ์ จึงเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถาบันบำราศนราดูร ผลพบเชื้อ Bacillus anthracis จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นคาดว่าปัจจัยเสี่ยงมาจากการชําแหละโคในงานบุญผ้าป่าและมีการนำเนื้อโคที่ชําแหละไปแจกจ่ายให้รับประทานกันในหมู่บ้าน ขณะนี้ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรคร่วมกับทีมสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารลงพื้นที่สอบสวนโรคเบื้องต้นพบผู้สัมผัสจำนวน 247 คน แบ่งเป็นผู้ที่ชำแหละโค 28 คน และผู้ที่บริโภคเนื้อโคดิบ 219 คน ได้ให้ยาในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง อยู่ระหว่างดำเนินมาตรการป้องกันการควบคุมโรคในพื้นที่
...
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวอีกว่า โรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงจากสัตว์สู่คนเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis สปอร์ของเชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และสามารถก่อให้เกิดโรคได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แหล่งรังโรคหลักของเชื้อ คือ สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น โค กระบือ แพะ และแกะ สามารถแพร่เชื้อสู่คนได้โดยตรง การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสหนังสัตว์หรือขนสัตว์ที่มีเชื้อ หลังรับเชื้อ 1-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง มีแผลคล้ายบุหรี่จี้ หายใจขัด หายใจลำบาก หากมีอาการรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80
ส่วนที่ จ.มุกดาหาร ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรค ร่วมกับทีมสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร และทีมปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคและให้ยาในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 247 คน แยกเป็นกลุ่มผู้ชำแหละโค 28 คน และกินเนื้อโคดิบ 219 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์มุกดาหารลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบจุดชำแหละเนื้อวัวบ้านโคกสว่าง ต.เหล่าหมี อ.ดอนตาล เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ด้านชาวบ้านที่เป็นเพื่อนร่วมวงชำแหละเนื้อวัวที่ติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์เปิดเผยว่า พวกตนติดต่อซื้อวัวตัวดังกล่าวอายุประมาณ 1 ปีนำมาขังไว้ร่วมกับวัวที่เลี้ยงอยู่ในคอกประมาณ 1 เดือน ก่อนจะนำมาฆ่าชำแหละพบว่าวัวมีสุขภาพแข็งแรงดีไม่มีอาการผิดสังเกต อีกทั้งวัวตัวอื่นๆที่เลี้ยงร่วมกันในคอกทุกวันนี้ก็ยังปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการใดๆ ถามว่ากังวลหรือไม่ก็คงรู้สึกบ้าง ตอนนี้ได้ตรวจหาโรคเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เสียชีวิตมี 1 ราย และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่บริโภคเนื้อวัวร่วมกับผู้ป่วย พร้อมให้ยาป้องกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ทั้งนี้โรคแอนแทรกซ์ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ในส่วนของมาตรการควบคุมโรค อำเภอดอนตาลได้จัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด 4 แห่งได้แก่ บ้านป่าพะยอม บ้านนาห้วยกอก บ้านภูวง และบริเวณหน้า สภ.ป่าไร่ อ.ดอนตาล เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่