เรื่องเก่า พบในหีบหนังสือเก่าพระราชวังโบราณกรุงปักกิ่ง “หงอิ้งหมิง” คนในสมัยราชวงศ์หมิง เขียนชื่อเรื่อง“รบกันบนยอดเขาหอยทาก” ยั่วใจ
ตัวหอยทากก็เล็กนิดเดียว ยอดเขายังมีพื้นที่ให้ทำสงครามกันได้ยังไง?
โบราณนานมาแล้วเมื่อคนเราเงยหน้ามองฟ้า ก็มักจะพบว่าฟ้าเหมือนฝาชีครอบแผ่นดินสี่เหลี่ยมกระดานหมากรุก ต่อๆมาคนเราก็เห็นเป็นอีกอย่าง ฟ้าดินเหมือนไข่นก ฟ้าหุ้มดินเหมือนเปลือกไข่หุ้มไข่แดง
เวลาผ่านมาอีกคนเราใช้สายตาพินิจ ใช้สติปัญญาวินิจฉัยจึงได้รู้ความจริง แท้จริงฟ้าใหญ่โตมโหฬารมิใช่จะมีแต่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ยังมีดวงดาวอยู่อีกมากมาย
เฉพาะดวงดาวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ก็มีดาวถึง 9 ดวงโลกที่เรามีชีวิตอยู่เป็นหนึ่งในนั้น
และระบบสุริยจักรวาล เป็นเพียงระบบหนึ่งในระบบดาวน้อยใหญ่ ระบบดาวอื่่นๆ ที่ใหญ่กว่าสุริยจักรวาลมีอีกมากมายสุดคณานับ
คนเราเรียนรู้มาถึงตอนนี้ เมื่อแหงนมองขึ้นฟ้าก็พากันอุทานด้วยความตื่นเต้น “ใช่แล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้า”
เมื่อคนเราค้นความลับของจักรวาลแล้ว เมื่อยิ่งรู้มากก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองเล็กลงไปทุกที
ชีวิตคนเมื่อเทียบกับวันเวลาจักรวาล ไม่ผิดอะไรกับประกายไฟแว่บหนึ่ง เมื่อหินเหล็กไฟสองก้อนกระทบกัน
คิดได้ถึงตรงนี้แล้วคำถามจึงมี “ชีวิตอันแสนสั้น คนตัวเล็กๆทำอะไรกันบ้าง”
มีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าสู่กันฟัง
สมัยโบราณกาลก่อนโน้น! แดนเหลียงมีนักปราชญ์ ชื่อไต้เจิ้นเหยิน คราวหนึ่งเขาพูดกับเว่ยอ๋อง เว่ยอ๋องเป็นเจ้าของแคว้นใหญ่
เมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว ตอนนั้นกำลังเตรียมวิธีที่จะพิชิตแคว้นน้อยใกล้เคียง
“บนยอดเขาข้างซ้ายของหอยทากมีแคว้นซู่ ส่วนยอดเขา
ข้างขวาชื่อว่าแคว้นหมาง สองแคว้นนี้มักรบแย่งชิงดินแดนกันและกัน จนล้มตายไปหลายหมื่นคน”
...
แคว้นชนะก็มักไล่ฆ่าฟันแคว้นที่รบแพ้นานถึง 15 วัน
เว่ยอ๋องยังไม่เชื่อ ไต้จิ้นเหยิน จึงต้องมีคำถามต่อ “ท่านอ๋อง เห็นว่าฟ้าดินสี่ทิศมีขอบเขตหรือไม่?”
“ไม่มี” เว่ยอ๋องตอบ
ไต้จิ้นเหยิน จึงว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคิดจิตใจของคนเรา จะสามารถท่องไปในจักรวาลอันไร้ขอบเขตได้หรือไม่? ตรงกันข้ามรอยเท้าของเราสามารถจะไปได้ก็แค่เพียงพื้นที่ ที่ห้อมล้อมไปด้วยสี่มหาสมุทร
เพราะฉะนั้นโลกที่เราอยู่เมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลก็เล็กแสนเล็ก”
คำพูดที่เต็มไปด้วยเหตุและผลขั้นนี้ เว่ยอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ทำได้อย่างเดียวคือพยักหน้า
เมื่อไต้จิ้นเหยิน ย้อนตำนานแคว้นเหลียง “ภายใน 4 มหาสมุทรมีแคว้นเว่ย เดิมอยู่เหอตง ต่อมาถูกแคว้นฉินบีบจนต้องมาอยู่ในแดนเหลียง
จักรวาลนั้นใหญ่นัก แต่ท่านอ๋องมีอะไรแตกต่างจากแคว้นจิ๋วๆสองแคว้น บนยอดเขาหอยทากนั้นเล่า”
เว่ยอ๋องจึงล้มเลิกความคิด ที่จะบุกโจมตีแคว้นใกล้เคียงโดยสิ้นเชิง
บทสรุปจากเรื่องเก่าที่คนเมื่อ 700 ปีที่แล้ว จดจำมาเล่าให้คนรุ่นหลังก็คือรุ่นเราๆได้ฟังต่อ จึงมีว่า เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว มนุษยชาติก็ยังชิงกันอยู่บนโลกเล็กๆลูกนี้ จนถึงบัดนี้ก็ดูยังจะไม่มีวี่แววหยุดยั้ง
คำถามจึงย้อนมาหาคนรุ่นเรา จะพยากรณ์มนุษยชาติในวันหน้า พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
บทเรียนซ้ำซากยาวนาน เหตุไฉน?ไม่ช่วยย้ำสอนมนุษยชาติวันนี้คิดหาวิธีอยู่กันอย่างสันติสุขให้เป็น.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม