หนังสือชื่อเรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ๆ (สุริยเทพ ไชยมงคล อินสไปร์พิมพ์ พ.ศ.2553) เรื่องที่ 63 เรื่อง แก้แค้นแบบคนฉลาด

ชายคนหนึ่งถูกเพื่อนในหมู่บ้านรุมกันจับโยนลงบ่อน้ำเน่า นาทีที่เขาจมลงในน้ำ เขารู้ตัวดีเคยทำไม่ดีกับใครต่อใครหลายคนมาก่อน วันนี้เขาถูกเอาคืน

ขณะเขาประคองตัว มองขึ้นขอบบ่อมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนถ่มน้ำลายใส่หัวเขาเป็นการซ้ำเติม บางคนคว้าโคลนเละใกล้มือปาใส่เขาอีก

ทุกสีหน้าแววตาของเจ้ากรรม นายเวร ชายคนนั้นจดจำได้

แต่ทันใดนั้นมีหินก้อนหนึ่งถูกปามาถูกหัวเขาอย่างแรง เคราะห์ดีที่ก้อนมันไม่ใหญ่ เขาหันไปมองคนปาน่าแปลกที่เขาไม่คุ้นหน้าใบหน้านั้นเลย

“คนอื่นๆ ข้าเคยมีเรื่องมีราวกับเขาไว้” เขายังมีเรี่ยวแรงพอจะตะโกนถาม

“แต่แกเป็นใคร?มาขว้างหินใส่ข้าด้วยสาเหตุใด?”

“แกคงจำข้าไม่ได้แล้วล่ะ!” มือปาหินตอบ “เมื่อยี่สิบปีที่แล้วแกใช้ความเป็นวัยรุ่นวัยคะนองทำร้ายข้า”

“แล้วทำไม? เพิ่งมาแก้แค้นเอาตอนนี้”

“ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านไปข้าต้องเก็บความแค้นเอาไว้” มือปาหินตอบ “เพราะแกยังมีอำนาจวาสนาบารมีพร้อมกันข้าก็พยายามฝึกฝีมือและความแข็งแกร่งเอาไว้ รอเวลาที่จะแก้แค้น

เออ!ข้าเองยังนึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าเวลาของข้าจะมาถึงในยามที่แกตกต่ำถึงที่สุดอย่างวันนี้”

เรื่องเล็กๆจบลงแค่นี้ แต่คำอธิบายความหมายดีๆ มียาวกว่า

โบราณกล่าวไว้ “ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปียังไม่สาย ดังนั้น คนที่รอเวลาผ่านไปยี่สิบปีจึงค่อยลงมือ จึงไม่ถือว่าเป็นคนโง่”

เวลาที่ผ่านไปยาวนานนั้นคนที่รังแกเขาอาจจะยังรุ่งเรืองเฟื่องฟูเต็มที่ เขาจึงจำเป็นต้องเก็บงำความรู้สึกไว้ การรอคอยมีทางเลือกสองทาง ทางแรกคู่แค้นหมดอำนาจ ทางที่สองตัวเขาเองเบ่งบานมีอำนาจเพิ่ม

...

คนที่ถูกรังแกจำนวนไม่น้อยอยากแสดงว่าตัวเองสู้ได้ตอบโต้ไปทั้งที่อ่อนแอกว่ามาก

ผลลัพธ์ความเจ็บปวดความเสียหายเพิ่มมากกว่าเก่า

นึกถึงดอกไม้ป่าริมทางแม้มีหนามแหลม แต่ก็ยังป้องกันตัวเองไม่ไหวเพราะมือมนุษย์และสัตว์ที่แข็งแรงกว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เข้มแข็งกว่า คนฉลาดควรจะรู้ว่าจังหวะไหนควรเก็บหนามตัวเองไว้ รักษากำลังไว้

ประวัติศาสตร์จีน หานซิ่นในวันที่เขายิ่งใหญ่ เป็นแม่ทัพของหลิวปัง เมื่อเขากลับบ้าน เขาไปพบชายที่เคยบังคับให้เขาลอดใต้หว่างขาแทนการแก้แค้น หานซิ่นกลับตั้งให้เป็นขุนนาง

ทั้งขอบคุณเขาที่สอนให้เขารู้วิชาเอาตัวรอด จนเขาเติบใหญ่มาเป็นใหญ่ได้ในวันนี้

เรื่องราวของหานซิ่น สอนแง่คิดสำคัญ...เมื่อยังมีป่าไม้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีฟืนให้ตัด

จงบอกตัวเองไว้ว่าแม้เป็นเพียงนกตัวเล็กๆ แต่ก็จะมีปีกที่แข็งแรงบินได้ไกลในวันหนึ่ง

เรื่องเล็กๆความหมายใหญ่ๆ เรื่องนี้ ผมตั้งใจคัดลอกมาให้ นักการเมือง ที่กำลังมะรุมมะตุ้มก่อเวรก่อกรรมกันในสภาฯ จนชาวบ้านอย่างผมไม่รู้ใครเป็นใคร ใครพวกใคร...ได้อ่าน

บทเรียนหมาดๆครั้งที่แล้ว ก็ไม่ใช่เพราะนักการเมืองฟัดกัน ไม่บันยะบันยังอย่างนี้หรือ ลุงๆทหาร จึงใช้เป็นเงื่อนไขปฏิวัติ บ้านเมืองที่ทหารยึดอำนาจนานๆมองเพื่อนบ้านพม่าเป็นตัวอย่างเอาไว้บ้าง.


กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม