รองผู้การเชียงใหม่ โต้ “สส.ปูอัด” ตำรวจทำงานตรงไปตรงมาตามขั้นตอนกฎหมาย รวบรวมทั้งพยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย และแจ้งผู้ต้องหาแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน คดีมีความผิดเกิน 3 ปี ขออำนาจศาลออกหมายจับได้ทันที ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะอนุมัติหรือไม่ ด้านอดีต สส.อมรัตน์ยันไม่ได้เป็นนางแบกให้ สส.ผู้อื้อฉาว “ปิยบุตร” ลั่นต้องลาออกจาก สส.อย่างเดียวเท่านั้น

กลายเป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ของรัฐสภาไทย กรณีศาลจังหวัดเชียงใหม่ อนุมัติหมายจับนายไชยามพวาน หรือปูอัด มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา หลังมีผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ อ้างว่า ระหว่างเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย ได้ไปนั่งดื่มกินในร้านเหล้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ และพบกับนายไชยามพวาน หรือ สส.ปูอัด เข้ามาตีสนิทพูดคุยกันถูกคอ ก่อนอาสาไปส่งโรงแรม แต่เมื่อไปถึงห้องพักกลับใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 9 ม.ค. ด้านเจ้าตัวออกมาชี้แจงโต้ข้อกล่าวหา อ้างถูกใส่ร้ายดิสเครดิต พร้อมตั้งข้อสังเกตในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น เพราะตำรวจไม่ยอมออกหมายเรียก แต่ไปขออนุมัติหมายจับ เป็นการทำงานข้ามขั้นตอน ขณะที่ สส.หญิงรุมประณามการกระทำของ สส.ผู้อื้อฉาว กดดันให้ลาออก อย่าใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง รวมทั้งแนะให้ประธานรัฐสภาอย่าปกป้องคนผิด

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจทำงานแบบเป็นคณะทำงาน หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำคณะทำงานลงพื้นที่เกิดเหตุ ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และสอบพยานบุคคล พร้อมส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายและเก็บผลตรวจไว้ ก่อนจะแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบเรื่อง จากนั้นได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าคดีนี้ทำไมตำรวจไม่ออกหมายเรียกก่อนจะออกหมายจับ ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 66 (1) คดีที่มีโทษเกิน 3 ปี สามารถยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับได้ทันที ไม่ต้องออกหมายเรียก ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลไปตามกฎหมาย ทุกอย่างอยู่ที่ดุลพินิจของศาล

...

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เผยว่า หลังจากตำรวจได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหา และ สส.ปูอัดได้รับทราบแล้ว แต่ไม่ยอมเดินทางมาพบ พนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำในชั้นต้น ทำให้ตำรวจต้องขออำนาจศาลออกหมายจับ แต่คดีนี้ผู้ต้องหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ต้องได้รับการส่งตัวจากประธานรัฐสภาก่อน ตำรวจถึงจะสามารถควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้ ยืนยันตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย

วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า เป็นคดีที่ส่งผลกระทบทางลบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก ทางการไต้หวันเกาะติดคดีไม่ห่าง นายไชยามพวานไม่มีทางเลือก ต้องเดินหน้าพิสูจน์ข้อกล่าวหากับกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรใช้ความเป็น สส.หลบหลังสภาฯ ไม่สามารถหลบได้ เชื่อว่า สส.จำนวนมากจะโหวตให้ส่งตัวให้ตำรวจ นำตัวไปดำเนินคดี เพราะเป็นพฤติกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทีของ สส.และสังคมต้องการให้นายไชยามพวานลาออก ช้าหรือเร็วนายไชยามพวานต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ทางคดี ทางที่ดีรีบลาออกแล้วเดินหน้าสู้คดีเพื่อไม่ให้สภาฯ และประเทศชาติเสียหายมากไปกว่านี้

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีถูกกล่าวหาเข้าข้าง สส.ปูอัด ในคดีข่มขืนสาวไต้หวันว่า “กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร ดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ไม่เคยมีเบอร์โทร.หรือไลน์กัน ไม่ได้ไปช่วยหาเสียง 66 แค่ไม่อยากให้เกิดความ ผิดพลาดตามมา ถ้าไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้นๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียด น่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง ต้องมีใจเป็นธรรม ไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติ ของเขา เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1, 2 มาแล้วอาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มผิดซ้ำได้ แต่ไม่ใช่จะ 100 % รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่สายเกินไป อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”

ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แชร์ข่าวเปิดใจอดีตผู้ช่วยส่วนตัวของนายไชยามพวาน ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความระบุว่า “นายไชยามพวานต้องลาออกจาก สส.เท่านั้น”

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่