ตำรวจสนธิกำลังสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจยึดซิมบ็อกซ์ 8 เครื่องซุกอยู่ในอพาร์ตเมนต์ย่านลาดพร้าว หลังเหยื่อสาวถูกตุ๋นพัวพันคดีฟอกเงินให้โอนเงินไปตรวจสอบ และมีผู้เสียหายอีก 12 ราย รวมสูญเงินกว่า 1 ล้านบาท พฤติการณ์คนร้ายมีเครื่องแปลงสัญญาณเบอร์โทรศัพท์จากต่างประเทศให้เป็นเบอร์ภายในประเทศเพื่อไม่ให้เหยื่อสงสัย เมื่อติดตั้งเสร็จรีบเดินทางออกนอกประเทศทันทีตำรวจสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยึดซิมบ็อกซ์ซุกในอพาร์ตเมนต์ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ม.ค. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 สั่งการให้ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิศิษฎ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกุล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าว พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.1 เจ้าพนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 นำหมายค้นศาล อาญาที่ ค.4/2568 เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 311 อพาร์ตเมนต์ลาดพร้าว ซอยนาคนิวาส 21 แยก 2-1 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานครจากการตรวจค้นไม่พบตัวบุคคลอยู่ภายในห้อง พบเพียงเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ (ซิมบ็อกซ์) จำนวน 8 เครื่อง ใส่ซิมการ์ดได้ 256 ซิมการ์ด โมเด็มต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตจำนวน 2 เครื่อง กล้องวงจรปิดจำนวน 1 ตัว ใช้ดูความเคลื่อนไหวภายในห้องพัก เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.68 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่ามีคดีพัวพันการฟอกเงินให้โอนเงินไปตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน 3 ครั้ง สูญเงินกว่า 71,000 บาท เป็นเงินที่ผู้เสียหายเก็บสะสมไว้ใช้ชำระหนี้ กยศ. นอกจากนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังหลอกเหยื่ออีก 12 ราย สูญเงินประมาณ 1 ล้านบาท หลังทราบเรื่องสืบสวนจนทราบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเครื่องซิมบ็อกซ์มาติดตั้งที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดเครื่องพล.ต.ต.ชยานนท์กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้เป็นชาวต่างชาติมาเช่าห้องพักเมื่อวันที่ 26 พ.ย.67 จ่ายค่าเช่าห้องเดือนละ 4,800 บาท หลังจากนำเครื่องซิมบ็อกซ์รุ่นใหม่ไม่ต้องใส่ซิมการ์ด มีเครื่องแปลงสัญญาณเบอร์โทรศัพท์จากต่างประเทศให้เป็นเบอร์ภายในประเทศเพื่อไม่ให้เหยื่อสงสัย หลังมาติดตั้งเสร็จจะเดินทางออกนอกประเทศทันที ใช้วิธีควบคุมเครื่องและสัญญาณมาจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับในข้อหาร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่