การแต่งตั้งโยกย้าย "นายพลเล็ก" ดูจะไม่ค่อยคึกคัก หลัง "บิ๊กต่าย" เรียกประชุมบอร์ดกลั่นกรองในวันที่ 3 ม.ค.วันเดียวกับที่ต้นฉบับนี้ออกพอดี
หลาย บช.ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไง จะเอาตามอาวุโสแบบนายพลใหญ่ระดับ ผบช.-รอง ผบ.ตร. หรือเอาอาวุโสแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ความรู้ความสามารถ 50 เปอร์เซ็นต์ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่
หลายกองบัญชาการซึ่งมีหน้าที่เสนอชื่อผู้ได้รับการพิจารณา จะกล้าเอาชื่อคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่อาวุโสน้อยกว่ามาอยู่ในลำดับต้นๆหรือไม่?
ต้องอยู่ที่ความกล้าของ ผบช.แต่ละคนว่าจะเอาหลักการอะไรมาเป็นที่ตั้ง
ได้ข้อมูลมาว่าการดำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อขึ้นเป็นรอง ผบช.และ ผบก.ของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ที่สวนกระแสอาวุโส กำลังได้รับการจับตาด้วยความชื่นชม
เบื้องต้น ภ.7 มีตำแหน่งรอง ผบช.ว่าง 3 ตำแหน่ง ผบก.ว่าง 2 ตำแหน่ง
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ตัดสินใจวางหลักเกณฑ์การให้คะแนนการพิจารณารอง ผบก.ผู้มีคุณสมบัติได้รับการพิจารณาขึ้นเป็น ผบก. เรียกประชุมบอร์ดประกอบด้วย รอง ผบช.ที่เหลืออีก4คน
เปิดโอกาสให้รอง ผบก.ที่อายุราชการตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป 31 นาย เข้าแสดงวิสัยทัศน์คนละ 10 นาที แยกเป็นหมวดคุณสมบัติเฉพาะบุคคล 40 คะแนน และผลการปฏิบัติบวกวิสัยทัศน์อีก 70 คะแนน รวมเป็น 110 คะแนน
หลังการแสดงวิสัยทัศน์บอร์ดจะลงคะแนนเป็นความลับ แล้วเรียงตามลำดับคะแนนเสนอชื่อไปให้บอร์ดกลั่นกรองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มี ผบ.ตร.เป็นประธานพิจารณา
แต่ใช่ว่าชื่อที่เสนอไปจากกองบัญชาการจะได้รับการพิจารณาจากบอร์ดเล็กของ ตร. อาจตกสำรวจหมดเลยก็ได้ เพราะบอร์ดกลั่นกรองของ ตร.ต้องดูภาพรวมใหญ่จากทั่วประเทศ
ทว่าอย่างน้อย ภ.7 ได้ทำตามหลักการ ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงวิสัยทัศน์ พิจารณาอย่างเป็นธรรม บอร์ดแต่งตั้งทุกคนเซ็นชื่อเสนอคนที่ได้รับการพิจารณาอย่างเต็มใจ
...
เพราะเชื่อว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนแล้ว?
"สหบาท"
คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม