"รมต.น้ำ" เข้าแจ้งจับ "เจ๊พัช" 2 บอสมัด "ฟิล์ม" รีด 20 ล้าน

“รองเต่า” เผยพยานหลักฐานคดี “เจ๊พัช-ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตบทรัพย์ดิ ไอคอนฯ 20 ล้านบาท ครบแล้ว เหลือรอผลสอบ “บอสพอล-บอสปัน” ส่งพนักงานสอบสวนเข้าเรือนจำสอบเพิ่ม เติมแล้ว ด้าน “รัฐมนตรีน้ำ” ส่งทนายความแจ้งความเอาผิด เจ๊พัชหลังคลิปหลุดอ้างซี้กัน รีดทรัพย์ไปดูแลรมต.ไปถึงพ่อ ด้านเจ๊พัชโพสต์เฟซบุ๊กกราบขอโทษที่แอบอ้าง ยันไม่รู้จักหรือเคยพบกันมาก่อน “ทนายวิฑูรย์” เผยเอาผิดเจ๊พัชกับฟิล์มในนามบริษัทดิ ไอคอนฯ แจ้งข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์เพราะโทษหนักกว่า โวกำลังตรวจสอบ 89 ผู้เสียหายกลุ่มเจ๊พัชที่เรียกเงิน คืนไปแล้ว ถ้าพบไม่เสียหายจริงจะดำเนินคดีแน่ ยัน ไม่เคยรู้เรื่องคลิปเจ๊พัชจ่ายเงินให้ดีเอสไอ 10 ล้านบาท โฆษกดีเอสไอแจงกรณีฉาวคลิปส่วยเทวดาดีเอสไอ 10 ล้านบาท รรท.อธิบดีดีเอสไอสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว เชื่อเป็นคลิปเก่าคดีแชร์ลูกโซ่อื่น ตั้งแต่ปี 58-59 ยันตรวจสอบเต็มที่ ตำรวจสอบสวนกลาง ก็ตรวจสอบคู่ขนานด้วย

การสืบสวนคลี่คลายคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้ว ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯเพิ่มเติมกับ 18 บอสในเรือนจำ หลังจากนั้นเรื่องราวบานปลายกลุ่มบอสดิ ไอคอนกรุ๊ป นำคลิปเสียงออกมาแฉ ร้องเรียนดำเนินคดีกับนักร้องเรียนและบุคคลหลายกลุ่มที่เข้ามารีดทรัพย์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ตำรวจสอบ “บอสพอล” อีกรอบ

ความคืบหน้าจากกองบังคับการป้องกันปราบ ปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 15 พ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีนักร้องเรียนสาวพยายามตบทรัพย์บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า จากการประชุมชุดสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นพยานหลักฐานค่อนข้างครบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว เมื่อวาน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.ร่วมประชุมชุดสอบสวนชุดใหญ่อีกรอบ เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติม รวมทั้งขณะนี้พนักงาน สอบสวนกำลังไปพบกับนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และตัดบางประเด็นที่เป็นข้อสงสัย คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงบ่ายวันนี้

หวั่นนักร้องเรียนสาวหนี

“สำหรับแนวทางการสืบสวนคดีตบทรัพย์ ดิไอคอน กรุ๊ป ยืนยันว่าการสืบสวนครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงการสอบสวนเล็กน้อย บอสพอลต้องเป็นผู้ยืนยันว่าจะเข้าข่ายทุจริตหรือเป็นการกรรโชกทรัพย์ ขอให้รอก่อน เพราะอยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนเข้าไปในเรือนจำอยู่ ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกตัวนักร้องเรียนสาวเข้ามา” รอง ผบช.ก.กล่าว ส่วนความกังวลว่าจะหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติยอมรับว่า กังวลว่าตัวนักร้องเรียนสาวมีเหตุผลให้หลบหนี ส่วนจะท้าทายอะไร เป็นเรื่องของผู้ถูกกล่าวหา

คดี “หนุ่ม-กรรชัย” กำลังเร่งสอบ

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ขณะที่คดีของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย ที่เข้ามาให้ปากคำกับตำรวจเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ เป็นเรื่องหมิ่นประมาท และทนายของบอสพอลจะแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง หลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายภูดิทแล้ว เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากขาดอะไรสามารถเรียกมาได้ตลอด

คดี รมต.น้ำเข้าข่ายหมิ่นประมาท

“ส่วนคลิปเสียงที่แอบอ้าง น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับควบคุมดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต้องดูเจตนารมณ์ของท่านรัฐมนตรี แต่เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยจะประชุมอีกครั้งวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.นี้ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ที่จะมาพูดคุยกันในที่ประชุม โดยเฉพาะการเข้าไปสอบบรรดาบอสดิ ไอคอน กรุ๊ป ในเรือนจำด้วย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

อี้-แทนคุณมาแฉต่อ

ต่อมาเวลา 10.10 น. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้-แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เผยกรณีดารานักตบทรัพย์ชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ขณะนี้ว่า ก่อนหน้านี้ตนออกมาเปิดเผยถึงดารานักตบทรัพย์ชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ขณะนี้ว่า นอกจากประเด็น 20 ล้านบาท แล้วยังมีอีกหนึ่งประเด็นคือ 60 ล้านบาท แต่ประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวกับดิ ไอคอน กรุ๊ป นักตบทรัพย์ชายมีพฤติกรรมหลอกลวงให้ลงทุน ผู้เสียหายแจ้งความ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง แล้ว นอกจากนี้ยังทราบว่ามีพฤติกรรมหลอกลวง คนอื่นอีกหลายราย หนึ่งในนั้นสูญเงินกว่า 100 ล้านบาท รวมเเล้วนักตบทรัพย์ชายรายนี้ยังมีความเชื่อมโยงความเสียหายอีกหลายกรณี อาทิ แชร์ลูกโซ่หรือขายตรง ตนเข้าใจว่าเดิมทีตัวนักตบทรัพย์รายนี้อาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร

รับมีคลิปเสียงคุยกันจริง

“นักตบทรัพย์ชายรายนี้ยังเคยออกมาเปิดเผยว่า มีคลิปเสียงพูดคุยกับผมกรณี 60 ล้านบาท ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่การพูดคุยครั้งนั้นเป็นการพยายามจะฟังข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝั่งผู้เสียหายและนักตบทรัพย์ชายรายนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เรียกรับทรัพย์สิน หากจะเปิดคลิปเสียงดังกล่าวก็ยินดี ผมอยากให้นักตบทรัพย์ชายรายนี้ออกมาให้การตามความจริง อย่าไปทำให้มันเกิดความคลาดเคลื่อนมากกว่านี้เลย” อี้-แทนคุณกล่าว

...

ทนาย รมต.น้ำแจ้งความ “เจ๊พัช”

ต่อมาเวลา 14.50 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายปวลิศ ผุดผ่อง ทนายความของ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคลิปเสียงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาพบ พ.ต.ท.สายยุทธ ยศคำ สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กรณีถูก น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช หรือกฤษอนงค์ ต้านโกง แอบอ้างชื่อเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้บริหารบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด

พร้อมให้การพนักงานสอบสวน

นายปวลิศเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก น.ส.จิราพร ให้รวบรวมพยานหลักฐาน ประกอบด้วยคลิปเสียงที่ได้จากสื่อมวลชน ลักษณะแอบอ้างเอาชื่อตัวเองไปใช้ ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง นำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ จากการตรวจสอบพบว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิด 2 ข้อหาคือ หมิ่นประมาท และเรียกรับผลประโยชน์ จากการสอบถาม น.ส.จิราพรยืนยันว่า ไม่รู้จัก น.ส.กฤษอนงค์เป็นการส่วนตัว และไม่ขอพูดถึงกรณี น.ส.กฤษอนงค์ แอบอ้างไปถึงบิดาของ น.ส.จิราพรด้วย เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน ขณะเดียวกัน น.ส.จิราพรยังฝากไปถึงพนักงานสอบสวนว่า ตัวเองพร้อมที่จะเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพราะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

“เจ๊พัช” กราบขอโทษ รมต.น้ำ

ด้าน น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช โพสต์ข้อความในเพจ กฤษอนงค์ เจ๊พัช ว่า กรณีท่านรัฐมนตรี กฤษอนงค์ขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆกับท่าน ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปเป็นเพียงการประสานงานโครงการที่กฤษอนงค์นำเสนอผ่านคนกลาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจขายตรงและออนไลน์ เป็นโครงการภาคเอกชนที่ตั้งใจให้เป็นการยกระดับและให้ความรู้เฉพาะทางเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากการสนทนานี้ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด กฤษอนงค์ขอกราบขออภัยท่านรัฐมนตรีน้ำ จิราพร สินธุไพร และคุณพ่อท่าน อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวค่ะ

...

โอดถูกกระแสสังคมตัดสิน

“สำหรับกรณีอื่นกฤษอนงค์อยากเรียนให้ทราบว่า ทุกคำชี้แจงในที่นี้มาจากความตั้งใจจริงที่จะสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันการพยายามอธิบายกลับดูเหมือนยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดมากขึ้น กฤษอนงค์เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาในสังคมที่ไม่มีพลังหรืออำนาจไม่มีสื่ออยู่ในมือ ไม่มีอำนาจใดๆจะไปต่อสู้กับกระแสสังคม ที่ตอนนี้ตัดสินไปแล้ว ขอพึ่งพาอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้มีบารมีในสังคม ขอให้ท่านช่วยพิจารณาและรับฟังเสียงเล็กๆของประชาชนว่า เราจะเป็นไปอย่างไรหากสื่อและสังคมสามารถตัดสินได้โดยไร้กระบวนการยุติธรรม” เจ๊พัชโพสต์ข้อความ

“บิ๊กต่าย” สั่งบังคับใช้กฎหมาย

ที่ ศปก.ตร.ชั้น 20 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีการออกหมายเรียกหรือหมายจับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม-รัฐภูมิ และ น.ส. กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ กรณีหลอกลวงเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า การออกหมายเรียกหรือหมายจับจากนี้ ขอให้เป็นเรื่องที่ บช.ก.ดำเนินการ ส่วนรายละเอียดคดีต่างๆ ตนยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรต่อสาธารณชน เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินการของพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าฐานะข้าราชการตำรวจดำเนินการไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง สิ่งใดเป็นการกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีไปตามนั้น ส่วนสิ่งที่ตำรวจกำลังทำอยู่ขณะนี้คือ การใช้กฎหมายนำหน้า แสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำความผิด ตนย้ำให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

มั่นใจ บช.ก.ฟันไม่เลี้ยง

“ขอเวลากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการ ตำรวจต้องสอบสวนหนักแน่นเรื่องพยานหลักฐานเสียก่อน ถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะรู้จักและสนิทกับนักการเมือง แต่ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ปล่อยให้มีการวิ่งเต้นหรือล้มคดีแน่นอน โดยเฉพาะหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา ผมมั่นใจการทำงานของตำรวจ บช.ก.” ผบ.ตร.กล่าว

...

ขยายเวลาสอบเทวดา สคบ.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยความคืบหน้าการสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ว่า ขณะนี้ใกล้หมดเวลาที่กำหนดแล้ว ตนติดตามและให้คณะกรรมการส่งข้อสรุปโดยเร็ว เบื้องต้นทราบว่าจำเป็นต้องสืบสวนสอบสวนพยานอีกจำนวนหนึ่ง ต้องใช้เวลาพอสมควร ตนกำชับว่าต้องทำให้รวดเร็วเพราะเป็นเรื่องประชาชนสนใจ การเปรยว่าอาจขอขยายเวลาสอบสวน ยังไม่เสนอมา ถามว่ากรณีล่าสุดที่อ้างชื่อบิดา น.ส.จิราพร สินธุไพร ทําให้ถูกมองว่ามีการแทรกแซงการสอบสวนหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพราะยังไม่ทราบ เป็นเพียงการพูดเฉยๆ ยังไม่เห็นว่ามีใครเข้ามาแทรกแซงคดีนี้ได้

เอาผิดเจ๊พัช–ฟิล์มในนามบริษัท

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป เดินทางมาที่เรือนจำเพื่อเยี่ยมลูกความหลังจากนั้นออกมาเปิดเผยว่า ในส่วนคดี 20 ล้านบาทของ น.ส.กฤษอนงค์ และฟิล์ม-รัฐภูมิ พูดคุยกับบอสปันเรียบร้อยแล้ว บอสปันให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน มิ.ย.คาบเกี่ยวเดือน ก.ค. ที่บอสพอลไปพบ น.ส.กฤษอนงค์ ที่บ้านในนามของบริษัท และจ่ายเงิน 750,000 บาท อ้างว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อกำจัดเพจผี แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบ บอสพอลเลยโกรธ น.ส.กฤษอนงค์ พอมาถึงต้นเดือน ต.ค. บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ปกำลังเป็นประเด็นทางสังคม น.ส.กฤษอนงค์ จึงชวนให้บอสพอลมาพูดคุยที่บ้านในนามบริษัท แต่บอสพอลยังคงโกรธ บอสปันจึงเข้าไปคุยแทนในนามของบริษัท ไม่ใช่ไปในนามส่วนตัว ก่อนปรากฏคลิปเสียงดังกล่าว นั่นจึงทำให้แน่ชัดแล้วว่า เหตุการณ์คลิปเสียง 20 ล้านบาท ไม่ได้เกิดขึ้นในนามส่วนตัวของบอสปัน แต่เกิดขึ้นในนามของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ดังนั้นจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี น.ส.กฤษอนงค์และฟิล์ม-รัฐภูมิในนามบริษัท

แจ้งข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์

“ตอนนี้บอสพอลรับทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างเซ็นเอกสารมอบอำนาจในนามนิติบุคคล เพื่อเข้าแจ้ง ความดำเนินคดีกับทั้ง 2 คน คาดว่าน่าจะภายในสัปดาห์หน้า สำหรับข้อหาจากพฤติการณ์ที่ส่อชัดว่า ลักษณะข่มขู่ ไม่ใช่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกง ดังนั้นจึงแจ้งความดำเนินคดีข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ส่วนข้อหาพยายามฉ้อโกงเข้าข่ายเช่นเดียวกัน แต่จะแจ้งความข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ที่มีอัตราโทษสูงกว่า แต่เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ทั้งคู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ศาลสามารถลงโทษในฐานความผิดเกี่ยวกับฉ้อโกงได้ โดยไม่แตกต่างกันในสาระสำคัญ” ทนายวิฑูรย์กล่าว

ตรวจสอบ 89 เหยื่อฝั่งเจ๊พัชด้วย

นายวิฑูรย์กล่าวว่า หลังจากตนเล่าคดีดังกล่าวให้บอสปันฟังว่า บุคคลทั้ง 2 คนออกมาพูดแก้ต่างว่า เป็นการจ่ายเพื่อเป็นค่าแผนพีอาร์ บอสปันได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ยืนยันว่าบริษัทจ้างงานพีอาร์กับบริษัทรับทำพีอาร์ยักษ์ใหญ่ บอสปันยินดีที่เรื่องดังกล่าวเปิดเผยขึ้นมา และยินดีที่พนักงานสอบสวนเข้ามาสอบปากคำ หารือเบื้องต้นเกี่ยวกับคำให้การกับทนายความแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ผู้เสียหาย 89 คนที่ น.ส.กฤษอนงค์เคยเปิดประเด็นมาเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท เป็นผู้ที่เสียหายจากการลงทุนเปิดบิลในระบบของบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป หรือไม่ เนื่องจากตนมีข้อมูลว่ามีบางคนเบิกสินค้าขายได้ตามปกติ แต่มาสมอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย จะเปิดเผยอย่างละเอียดภายในสัปดาห์หน้า หากพบว่าใครไม่ใช่ผู้เสียหายจริง จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการเดียวกัน

ไม่รู้เรื่องเจ๊พัชจ่ายดีเอสไอ 10 ล้าน

“ส่วนกรณีปล่อยคลิปเสียงอ้างว่า น.ส.กฤษอนงค์จ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้ดีเอสไอ ยังไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ฟังคลิปเสียง กรณีตัวแทนบริษัทถูกอายัดบัญชีไม่ว่าเป็นฝั่งผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์ และตัวแทนที่เป็นพยานฝั่งผู้ต้องหา หลังถูกดีเอสไอตั้งเรื่องสอบสวนความผิดฐานฟอกเงิน เป็นการยึดอายัดแบบไม่ตั้งตัว ทำให้ตัวแทนบริษัทใช้ชีวิตยากลำบาก ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว และไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน ตัวแทนหลายคนออกมาบ่นภายในกลุ่มแชตตัวแทน ทีมทนายรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าน่าจะมี ตัวแทนถูกอายัดบัญชีมากกว่า 50 ราย วันนี้นำประเด็นดังกล่าวไปคุยกับนายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อป หาแนวทางช่วยเหลือ” ทนายวิฑูรย์กล่าว

ขู่เหยื่อไปแก้คำให้การ

ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก น.ส.กฤษอนงค์เปิดยุทธการลำเลียงระเบิด ให้ผู้เสียหายเข้าไปให้การพนักงานสอบสวนว่า บริษัทเป็นแชร์ลูกโซ่ ส่งผลให้ถูกดำเนินคดีเรื่องแชร์ลูกโซ่ เมื่อเป็นคดีแชร์ลูกโซ่จะถูกตรวจเส้นทางการเงินจนนำมาสู่การอายัดบัญชีของตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย เพราะอาจเข้าใจว่าเป็นแม่ข่าย จากการคุยกับบอสป๊อป จึงได้แนวทางเบื้องต้นว่า อยากให้ฝั่งผู้เสียหายที่ไปให้ปากคำกับตำรวจไปแก้คำให้การว่า ไม่ใช่เรื่องแชร์ลูกโซ่ และเป็นธุรกิจจริงเพียงแต่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการขายสินค้าไม่ได้ หากเป็นเรื่องเท็จอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ตอนนี้บรรดาบอสที่ถูกจองจำในเรือนจำและทัณฑสถานเลยจุดที่โกรธบรรดาผู้เสียหายแล้ว ตอนนี้ต้องมาหาทางแก้ไข

ถามทำผิดฟอกเงินเลยได้หรือ

ทนายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า สัปดาห์หน้าจะพาพยานตัวแทนเหล่านี้ไปหารือดีเอสไอ เพื่อสอบปากคำอีกครั้งในข้อต่อสู้ข้างต้น ปกติแล้วการทำงานของดีเอสไอในคดีฟอกเงิน จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีมูลฐานที่เกี่ยวกับฉ้อโกงประชาชน หรือกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ถึงจะเริ่มทำคดีฟอกเงินได้ แต่ปรากฏว่ากรณีนี้ ตั้งเรื่องคดีฟอกเงินคู่ขนานไปกับคดีที่อยู่ในมือตำรวจ จึงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมดีเอสไอถึงแหวกธรรมเนียม ตนมองว่าดีเอสไอควรต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าวให้มากว่า ควรทำเรื่องฟอกเงินต่อไปหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาตรฐานของดีเอสไอเปลี่ยนไป สัปดาห์หน้าจะไปถามดีเอสไอประเด็นดังกล่าว

ดีเอสไอแถลงยังไม่มีผู้ต้องหาเพิ่ม

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลา 18.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกดีเอสไอ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ ออกมาเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า การประชุมวันนี้ติดตามความคืบหน้าความเรียบร้อยสำนวนคดีดิ ไอคอนฯ และผลการแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 11 พ.ย. รวมทั้งประเด็นพิจารณาอื่นที่เกี่ยวข้อง ในส่วนผู้ต้องหาเพิ่มเติมยังไม่มี เนื่องจากวันที่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 บอส ทั้งหมดขอเวลาทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและขอยื่นบัญชีพยานชี้แจงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกรอบ 15 วัน ตอนนี้มีเพียงหนังสือฉบับเดียวของทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ส่งมาก่อนแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

การอายัดบัญชีอยู่ระหว่างตรวจสอบ

“สำหรับเรื่องการอายัดบัญชีธนาคารฝั่งพยานบริษัทดิ ไอคอนฯ หรือบัญชีตัวแทนจำหน่าย เรื่องนี้หารือในที่ประชุมเช่นกัน ต้องเรียนว่าดีเอสไอทำคดี 2 ส่วนคือ ส่วนคดีแชร์ลูกโซ่ เลขคดีพิเศษที่ 119/2567 และคดีฟอกเงินทางอาญาเลขคดีพิเศษที่ 115/2567 มติที่ประชุมมอบหมายให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทั้งหมด ให้ส่วนคดีฟอกเงินทางอาญารับไปพิจารณา มีเกณฑ์ไปดูว่าเกี่ยวข้องมากน้อยอย่างไร หากคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ นอกจากนี้คำร้องที่เกิดขึ้นส่งมอบให้กองคดีฟอกเงินทางอาญารับไปเร่งพิจารณาแล้ว ต้องพิจารณาก่อน เพราะบัญชีทั้งหมดส่วนใหญ่ยึดอายัดมาตั้งแต่ชั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องฟังตำรวจว่า ตอนที่ยึดมามีเหตุผลใด ส่วนสัปดาห์หน้าทนายวิฑูรย์จะพาพยานเจ้าของบัญชีธนาคารเหล่านี้มาพบดีเอสไอ สามารถเข้ามาให้ข้อมูลได้เพื่อประกอบการพิจารณา แต่แนะนำว่าเขียนเป็นหนังสือจะชัดเจนกว่า” โฆษก ดีเอสไอกล่าว

เชื่อเป็นคดีแชร์ลูกโซ่เก่าปี 58–59

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ส่วนประเด็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้หญิงและผู้ชายที่กล่าวอ้างว่า จ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้ดีเอสไอนั้น รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมอบหมายให้คณะตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ตรวจสอบเรื่องการจ่ายสินบนให้หน่วยงานรับไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เพราะถือว่าเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน ประสานขอคลิปเสียงต้นฉบับจากสำนักข่าวที่รายงานข่าวนำมาตรวจสอบว่า เป็นเหตุการณ์เมื่อใด เป็นเสียงระหว่างบุคคลใด เพื่อสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏ ประการที่ 2 พบโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของบุคคลที่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องรายหนึ่ง เป็นผู้หญิงโพสต์ว่า เป็นข้อมูลเก่า เป็นคลิปเก่า เบื้องต้นอาจเป็นคดีเก่าตั้งแต่ปี 2558-2559 แต่จะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่คดีใดต้องตรวจสอบก่อน หากชัดเจนจะชี้แจงให้ทราบ

ตำรวจสอบสวนประเด็นนี้ด้วย

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เราเป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องพร้อมให้ภาคเอกชนตรวจสอบ ขณะเดียวกันถ้าหากข้อเท็จจริงตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นความเท็จหรือทำให้ราชการหรือกรมเสียหายต้องพิจารณาต่อไป เพราะถ้าไม่มีการดำเนินการอะไรเจ้าหน้าที่เองอาจเสียขวัญกำลังใจ เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารต้องออกมาทำหน้าที่ตรงนี้ สำหรับกรอบระยะเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องจ่ายสินบนเทวดาในดีเอสไอนั้น อยู่ระหว่างเร่งทำข้อเท็จจริง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบฝ่ายเดียวเพราะว่าสอบสวนกลางเองก็ตรวจสอบเช่นกัน เราสนับสนุนข้อมูลให้ตำรวจเต็มที่ ส่วนที่เป็นเรื่องภายในของเราเองก็ตรวจสอบคู่ขนาน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่