ประธานวิปรัฐบาล “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” พรรคเพื่อไทย ยันไม่ป้องคนผิด หลังคนขับรถพันคดี “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ซื้อขายปริญญาบัตร ชี้ใครมีข้อมูลส่งมาจะจัดการให้ เชื่อเป็นไปได้ยาก ย้ำ สส.เป็นผู้มีเกียรติ ใครทำไม่ดีไม่ได้กลับมาอีก ด้านรองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมขึ้นโรงพักแจ้งความถูกผู้ไม่หวังดีโพสต์ขู่ทำร้าย หลังนำตัวละครลับออกมาแฉพฤติกรรมซื้อขายวุฒิการศึกษา มั่นใจเป็น FC เตือนควรตั้งสติแยกแยะเรื่องดี-ผิดกฎหมาย
กรณี น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูก น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือ “ซ้อลักษณ์” แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร อ้างว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายถูกประธานมูลนิธิเป็นหนึ่งหลอกซื้อขายวุฒิปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยพิษณุโลก และยังแอบอ้างเสนอซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง มีคนใกล้ชิดกับนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเป็นที่สนใจของสังคม
ที่รัฐสภา เวลา 12.30 น. วันที่ 8 ก.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายเกษียร ศรีจันทร์ คนขับรถเข้าไปเชื่อมโยง “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” คดีการซื้อขายวุฒิการศึกษาและตำแหน่งในสภาฯว่าให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ทราบว่าทุกฝ่ายได้ไปแจ้งความกันหมดแล้วก็ให้ไปว่ากันในชั้นศาล ตนไม่ได้ปกป้องใครทั้งสิ้น ยืนยันว่าจะไม่ไปช่วยคดีใครทั้งนั้น ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด วันนี้เขายังไม่เป็นผู้ต้องหา ตำรวจไม่ได้เรียกไปสอบสวน เรื่องนี้ไม่น่ากังวลปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนที่มีการแอบอ้างกรรมาธิการ (กมธ.) และซื้อขายตำแหน่ง ในฐานะประธานวิปรัฐบาลจะกำชับในเรื่องนี้อย่างไร นายวิสุทธิ์ตอบว่า ตอนตนเป็นประธาน กมธ.ใครจะมาเป็นที่ปรึกษา เลขาฯ หรือตำแหน่งอะไร จะส่งประวัติไปให้ตำรวจสันติบาลตรวจสอบก่อน เป็นสิทธิ์ของประธานที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบ ตอนนี้บางทีมีการต้มตุ๋นกันเยอะแยะ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นตำรวจ บางทีหลอกว่าจะเอาตำแหน่งใน กมธ.ให้ แต่ตนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ยาก ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าทำได้หรือไม่ มั่นใจว่าเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นคงมีการตรวจสอบให้มากยิ่งขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องดี ดังนั้น ถ้ามีข้อสงสัยหรือมีข้อมูลแจ้งมาที่ตนได้จะตรวจสอบให้ว่ามีคณะใดมาจ้างมาจ่ายเงินในการซื้อขายตำแหน่ง ตนจะดำเนินการให้
...
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พบข้อมูลที่ น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ เป็นหนึ่ง แอบอ้างราคาการซื้อขายตำแหน่งสูงถึง 500,000 บาท นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเรื่องจริงหรือไม่ คนที่ไปอ้างก็มีในทุกสังคม มีทั้งคนดี คนเลว บางคนอาจไปอ้างอาจจะจริง แต่ในข้อเท็จจริงมีหรือไม่ที่ไปขายราคาสูงถึง 500,000 บาท ตนอยู่มา 20 กว่าปีก็ได้เงินหลายร้อยล้านแล้วสิ บางคนอาจจะมีแต่เราไม่ทราบ แต่เราก็ฟังข้อมูลว่าอยู่ในคณะ กมธ.ชุดไหน จะช่วยตรวจสอบอีกแรง ดังนั้น ใครที่มาเป็นกรรมาธิการแล้วจ่ายเงิน ช่วยแจ้งเบาะแสมาที่ตน อยากรู้ว่าทำจริงหรือไม่ มั่นใจว่า สส.เป็นผู้ที่มีเกียรติ กว่าจะได้รับการเลือกตั้งมาไม่ง่าย ใครทำอะไรที่ไม่ดีก็เตรียมตัวไว้เลยจะไม่ได้กลับมาเป็น สส.อีก
“เชื่อว่าประธาน กมธ.ทุกคณะคงจะตรวจสอบ เราจะบอกไปยังวิปรัฐบาลทุกท่านช่วยกันตรวจสอบให้โปร่งใส สภาฯแห่งนี้ต้องสง่างาม ส่วนจะมีการคาดโทษหรือไม่หากไม่ดำเนินการ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องทำ ใครก็ไม่อยากเป็นประธาน กมธ.ฯที่รับเรื่องร้อนๆมาใส่ตัวเอง มันเสื่อมเสียชื่อตัวเองและเสียชื่อพรรค” นายวิสุทธิ์กล่าว
ส่วนที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สายวันเดียวกัน นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้รับมอบหมายจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ เข้าแจ้งความ ร.ต.ท.รัฐศาสตร์ กลิ่นสุคนธ์ รอง สว. (สอบสวน) หลังจากมูลนิธิฯนำตัวละครลับออกมาพูดเปิดโปงประเด็นการซื้อขายวุฒิปริญญาบัตรดังกล่าวแล้วถูกผู้ไม่หวังดีโพสต์ข่มขู่คุกคามทางเฟซบุ๊ก ถึงขั้นจะมาทำร้ายร่างกายที่มูลนิธิฯ
นายรภัสสิทธิ์กล่าวว่า อยากฝากบอก FC ทั้งหลายที่อาจจะเป็น Fc ของฝั่งนู้น ท่านควรตั้งสติแยกแยะเรื่องดีกับเรื่องทำผิดกฎหมาย วันนี้สังคมออกมาตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายเรื่องมันเป็นการตรวจสอบ ท่านเป็นบุคคลสาธารณะท่านต้องยอมรับการตรวจสอบเช่นเดียวกัน ท่านไปตรวจสอบชาวบ้านไปทั่ว คนอื่นเขาก็มีแฟนคลับของเขาเหมือนกัน ฉะนั้นอะไรผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ใช่มาแสดงว่าไม่ได้เคารพกฎหมายหรือจะไปต่อยใครแบบนี้ก็ได้ จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันในเรื่องของการข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว เพื่อความปลอดภัย
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่