บทที่ 12 หัวข้อ สงบความวุ่นวาย ฉางต่วนจิง ศาสตร์แห่งการยืดหยุ่นและพลิกแพลง (เจ้าหยุย คนสมัยถาง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2549) เริ่มต้นว่า

ถ้ารู้หลัก 6 แบบท่านผู้นำ จะวิเคราะห์ได้ บ้านเมืองใด มีท้าวพระยา ประเภทไหน?

6 แบบท่านผู้นำ หมายถึงอะไรบ้าง?

ผู้นำที่หมั่นบำเพ็ญขัตติยธรรม เมตตาอารี จิตแจ่ม สติแจ้ง ร่วมทุกข์สุขข้าราชการและราษฎร สละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม คือ กษัตริยราช หัวหน้าผู้นำทั้งปวง

ผู้นำที่เข้มงวดตัวเอง ให้อภัยผู้อื่น ถ่อมตัวศึกษา ใส่ใจราชการงานเมือง ยึดมั่นทำนองคลองธรรม ไม่ปกครองด้วยอารมณ์ คือ ผู้นำ ผู้สันทัดการปกครอง

ผู้นำที่บริหารงานเมืองแข็งขัน ปกครองแผ่นดินด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงส่วนรวม คือผู้นำผู้ธำรงรักษาตำแหน่งหน้าที่

ผู้นำที่ไม่จำแนกดีชั่ว ไม่แยกแยะส่วนตัวส่วนรวม ห่วงแต่ผลได้ผลเสียส่วนตัว ไม่ยึดเมตตาคลองธรรมอย่างบริสุทธิ์ใจ คือ ผู้นำที่ก้าวสู่ความเสื่อม

ผู้นำที่ยึดมั่นแต่ใจตัว มากกว่าความถูกต้อง คำนึงถึงประโยชน์ตัวมากกว่าส่วนรวม ไม่เคารพขนบจารีต ทำให้แผ่นดินวิปลาส คือผู้นำผู้ก้าวสู่ความวิบัติ

ผู้นำที่หลงเชื่อคนโฉดชั่วสอพลอ เนรเทศปราชญ์ขุนนางซื่อตรง หมกมุ่นสุรานารี ไม่เคารพกฎหมาย มักออกนอกบ้านไปหาความสำราญ ให้บำเหน็จรางวัลส่งเดชตามความพอใจ ลงโทษส่งเดชตามโทสะชั่ววูบ ชอบกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง

ไม่ปรับปรุงแก้ไข ไม่ฟังคำตรงบาดหู มักสั่งประหารข้าราชการที่กล้าเอ่ยคำทัดทานตรงไปตรงมา

คือผู้นำผู้สิ้นชาติ

รู้จักท่านผู้นำ 6 แบบแล้ว ก็ควรรู้จัก “นวภาวะ” หลักวินิจฉัย บ้านเมืองเราตอนนี้ตกอยู่ในภาวะเช่นใด?

...

ท่านผู้นำกับเสนาบดีสนิทแน่นแฟ้น รู้ที่สูงที่ต่ำ ข้าราชการสามัคคีกลมเกลียว ไม่เออออตามกัน ยินดีสละตำแหน่งให้คนเก่งกว่า และทำหน้าที่สุดความสามารถ ขยันขันแข็ง ไม่แก่งแย่งชิงดี นี่คือ ภาวะขนบจารีต

ขนบจารีตไม่เป็นเอกภาพ ข้าราชการหมดกำลังใจทำหน้าที่ คนถ่อยสอพลอเป็นที่โปรดปราน ราษฎรซุบซิบสิ้นหวัง นี่คือ ภาวะเสื่อม

ท่านผู้นำกับเสนาบดีชิงดีชิงเด่นกัน บริวารแย่งความชอบ เสนาบดีแย่งอำนาจ ราษฎรแย่งผลประโยชน์ นี่คือ ภาวะหื่นหีน

เบื้องบนละโมบไม่สิ้นสุด เบื้องล่างร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม กฎหมายไม่เคร่งครัด การบริหารซ้ำซ้อน นี่คือ ภาวะสับสน

คนทำเนียบถือความฟุ่มเฟือยเป็นสัญลักษณ์ความมั่งคั่ง ถือความยโสโอหังเป็นความสูงศักดิ์ ถือการก่อกรรมทำเข็ญเป็นความกว้างขวาง ถือการเคารพขนบจารีตเป็นการผูกมัด ถือกฎหมายเป็นความดื้อรั้น นี่คือ ภาวะร้าง

คนทำเนียบ ถือการกดขี่ทารุณราษฎรเป็นความมีสติ ถือการแย่งชิงประโยชน์ราษฎรเป็นความชอบ ถือการเข่นฆ่าราษฎรเป็นความสามารถ และถือการประจบสอพลอเป็นความซื่อสัตย์ นี่คือ ภาวะกบฏ

ท่านผู้นำเหินห่างเสนาบดี เบื้องบนเหินห่างเบื้องล่าง บริวารระแวงกันและกัน ผู้น้อยแย่งความชอบ ผู้ใหญ่แย่งอำนาจ นี่คือภาวะวิบัติ

และท่านผู้นำกับเสนาบดี ไม่คลุกคลีทุกข์ยากชาวบ้าน บริวารในทำเนียบไม่กล้าออกปากทัดทาน ญาติสนิทท่านผู้นำแทรกแซงกิจการแผ่นดิน นี่คือ ภาวะสิ้นชาติ

ทั้งหมดที่ไล่เรียงมามีแค่ 8 ภาวะนะครับ ต้นฉบับเดิมที่เจ้าหยุยเขียนไว้ขาดไปหนึ่ง

แต่ภาวะที่ 8 ภาวะสิ้นชาติ ข้อเดียว ผมอ่านแล้ว ก็ขนลุกซู่ นึกถึงพม่าภาวนาว่า บ้านเมืองเราคงไม่ถึงขั้นรบกันจนบ้านแตกสาแหรกขาด...ปานนั้น.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม