“บิ๊กโจ๊ก” ตั้งโต๊ะเปิดเวทีที่สงขลา บ้านเกิด ประเดิมให้ชาวบ้านใช้สิทธิ ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ลงชื่อกล่าวหา คณะกรรมการ ป.ป.ช.บางรายที่สงสัยร่ำรวยผิดปกติหรือทุจริตต่อหน้าที่ ยันยังไม่ลง สว. ระบุคุณสมบัติยังไม่ครบ แต่จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนที่เดือดร้อน แหลงชัดมีโอกาสจะดูแลประชาชน ทุกมิติ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ขู่ฟ่อรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอย่าทำตัวเป็นกฤษฎีกาเสียเอง กรณีส่งหนังสือตอบกลับเรื่องที่ขอความเป็นธรรม และขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่าไม่อยู่ในอำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณา

“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการ ปปช.คู่กรณี เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 พ.ค. ที่คิวรถสงขลา-ระโนดเก่า ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เปิดเวทีรณรงค์ให้ประชาชนใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ร่วมลงชื่อกล่าวหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.บางคน ที่สงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ หรือทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงภายใต้หัวข้อ ปฏิบัติการกวาดบ้านให้ ป.ป.ช. มีประชาชนประมาณ 500 คนร่วมกิจกรรมพร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ขณะเดียวกัน มีคณะทำงานได้ตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชน ร่วมลงชื่อผ่านทางเว็บไซต์ https://hakparn.com  ด้วย

อดีตรอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรก หลังจากเตรียมการมาระยะหนึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ได้ให้กับประชาชนไว้ หลังแถลงข่าวว่าการตรวจสอบองค์กรอิสระ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานราชการ สามารถตรวจสอบได้โดยเฉพาะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ไต่สวนและกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดกระทำความผิด แต่หากกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.กระทำความผิดเองก็มีกระบวนการตรวจสอบโดยใช้ภาคประชาชนดำเนินการ ตามมาตรา 236 รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติว่า หากองค์กรอิสระใดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และฝ่าฝืนมาตรฐาน จริยธรรมอย่างร้ายแรง ประชาชนสามารถเข้าชื่อ 20,000 ชื่อ ยื่นต่อประธานรัฐสภา จากนั้นประธานรัฐสภาจะเสนอประธานศาลฎีกาตั้งคณะผู้จัดส่วนอิสระยื่นถอดถอน ก่อนจะนำไปสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเพื่อพิพากษาผู้ถูกยื่นถอดถอน

...

อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า วันนี้ลงพื้นที่บ้านเกิดเป็นจุดแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกที่ประชาชนใช้สิทธิ์ในการตรวจสอบองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2560 จากนี้ไปจะไปต่อที่ อ.เมืองพัทลุง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อ.เมืองชลบุรี ในวันที่ 22 พ.ค. หลังจากนั้นในช่วงสัปดาห์ต่อไปพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี ปิดท้ายที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จะได้รายชื่อกว่า 20,000 รายชื่อตามเงื่อนไข โดยจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดยื่นให้กับประธานรัฐสภา ตามหลักเกณฑ์ หากไต่สวนมีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามที่กล่าวหา ประธานรัฐสภาจะส่งเรื่องให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาถอดถอน โดยการเข้าชื่อครั้งนี้เพื่อยื่นตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช.เพียง 1 คน ยืนยันว่ามีข้อมูลที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมา รายละเอียดจะอยู่ในเอกสารที่ยื่นต่อประธานรัฐสภา ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ก็ไม่มีกรรมการ ป.ป.ช.คนใดออกมาตอบโต้ เห็นได้ชัดเจนว่าหากคนในองค์กรถูกดำเนินการลักษณะนี้ และผู้ถูกกล่าวหามีความเชื่อมั่นจะมีผู้ที่ออกมาต่อสู้ให้ จากการตรวจสอบเมื่อเวลา 11.00 น. พบว่ามีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วกว่า 6,000 คน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งหนังสือตอบกลับกรณีขอความเป็นธรรม และขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนรวมทั้งยืนยันว่าการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี เห็นควรยื่นร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ ต่อ ก.พ.ค.ตร ตามพระราชบัญญัติตำรวจ พ.ศ.2565 ว่า การยื่นร้องทุกข์หรืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ดำเนินการเรียบร้อยหมดแล้ว ก็ต้องเตือนรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องเป็นกฤษฎีกา และเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างเสนอให้กฤษฎีกาตีความ ไม่ใช่เรื่องที่รองปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีจะคิดเองเออเองตอบหนังสือฉบับนี้ อาจจะเข้าข่ายความผิดได้ ต้องดูหน้าที่ของตัวเองว่าอยู่ในหน้าที่ใด แต่ตนจะยังไม่ดำเนินการใดๆ เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอกฤษฎีกา ส่วนการลงสมัครสมาชิกวุฒิสภาที่กำลังเปิดรับสมัครขณะนี้ ยังไม่ได้คิดเรื่องดังกล่าวเพราะยังไม่สามารถสมัครได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบ และยังเป็นข้าราชการอยู่ ส่วนอนาคตก็ต้องดูก่อนว่าจะทำหน้าที่ในด้านใดได้ดีที่สุด จะยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง หากอยู่ที่ใดแล้วทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากที่สุดก็จะทำ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่