ป.ป.ช.ลงดาบชี้มูลความผิดทางอาญา-วินัย “ผอ.นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” กับ ขรก.สำนักพุทธศาสนา ทุจริตเงินอุดหนุนปฏิสังขรณ์วัดปี 2557 ไต่สวนแจ่มแจ้งพบพฤติกรรมงาบหัวคิวร้อยละ 90 จากเงิน 3 วัดภาคกลางขอเบิกรวมมูลค่าร่วม 3 ล้านกว่าบาท แถมฟันอนุมัติเงินบูรณะวัดมั่วซั่วให้อีก 5 วัด ทั้งๆที่วัดไม่ได้ร้องขอ และไม่ได้ประสบวินาศภัยตามที่กล่าวอ้างรวม 28 ล้านบาท
หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้เวลาไต่สวนคดีมหากาพย์นานนับ 10 ปี กรณีข้าราชการระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทุจริตเงินอุดหนุนปฏิสังขรณ์วัดในพื้นที่ภาคกลาง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. แถลงว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ.กับพวก ทุจริตเงินอุดหนุนปฏิสังขรณ์วัดปี 2557 โดย ป.ป.ช.ไต่สวนพบในปี 2556 น.ส.ประนอม คงพิกุล ผอ.กองพุทธศาสนสถาน ติดต่อพระครูปลัดวิสุทธิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดคันลัด ให้ติดต่อเจ้าอาวาสวัดที่ประสงค์ขอรับเงินอุดหนุนวัดจาก พศ.มาจัดทำเอกสารขอรับเงินอุดหนุน มีเงื่อนไขว่า วัดที่ขอรับเงินอุดหนุนจะได้เงินอุดหนุนเพียงร้อยละ 10 ของเงินที่ได้รับ อีกร้อยละ 90 ต้องส่งคืน พศ.เพื่อใช้ในกิจการอื่น พระครูปลัดวิสุทธิวัฒน์ติดต่อเจ้าอาวาสวัดใน จ.อยุธยา 3 แห่ง ได้แก่ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง วัดตำหนัก (ภาวนาราม) และวัดจงกลณี ทำคำขอรับเงินอุดหนุน นำไปมอบให้น.ส.ประนอม ส่งต่อให้นายนพรัตน์อนุมัติจ่ายเงินอุดหนุนวัด หลังเบิกจ่ายเงินอุดหนุนแก่วัดแล้ว เจ้าอาวาสทั้ง 3 วัด เบิกถอนเงินตามจำนวนที่ได้รับอุดหนุนส่งคืน น.ส.ประนอมตามเงื่อนไข โดยวัดโพธิ์ทองได้เงินจำนวน 1 ล้านบาท ได้รับเงินจริง 90,000 บาท วัดตำหนัก (ภาวนาราม) ได้ 1 ล้านบาท ได้รับเงินจริง 1 แสนบาท และวัดจงกลณีได้ 2 ล้านบาท ได้รับเงินจริง 4 แสนบาท
...
ทั้งนี้ป.ป.ช.มีมติว่า การกระทำนายนพรัตน์กับพวกมีมูลความผิด ป.อาญา มาตรา 147,151 และ 157 ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญา และส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ด้วย
นายนิวัติไชยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ ทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะวัดปี 2557 ที่จัดสรรให้วัดอีก 5 แห่ง คือ วัดเพลง (กลางสวน) กทม. จำนวน 5 ล้านบาท วัดใหญ่ จ.สมุทรปราการ 4 ล้านบาท วัดเกาะแก้วอรุณคาม จ.สระบุรี 5 ล้านบาท วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม 4 ล้านบาท และวัดกลางเหนือ จ.สมุทรสงคราม 10 ล้านบาท อ้างเหตุเพื่อปฏิสังขรณ์ และประสบวินาศภัย โดยวัดไม่เคยมีคำร้องขอรับเงินอุดหนุน และไม่ได้ประสบวินาศภัย แม้ภายหลัง พศ.โอนเงินเข้าบัญชีวัด และวัดได้เบิกถอนเงินมาใช้ในปฏิสังขรณ์วัด ไม่ปรากฏมีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน หรือขอเงินคืนจากงบฯที่ได้รับ แต่นายนพรัตน์อนุมัติเงินอุดหนุนวัด ไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของ พศ. ดังนั้น ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ มีมูลความผิดตาม ป.อาญามาตรา 151 และ 157 และมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ให้ส่งเรื่องอัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญา และส่งคําวินิจฉัยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่