“ดีเอสไอ” ขยายผลคดีหมูเถื่อนคืบ ได้ 2 สายลับพยานปากเอก เป็นชิปปิ้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ ยอมให้ข้อมูลองค์กรอาชญากรรมนำเข้าหมูเถื่อนคดีใหม่ พบไม่ได้นำเข้าเฉพาะที่แหลมฉบังเท่านั้น แต่นำเข้าผ่านมาทางด่านลาดกระบังด้วย สำแดงเป็นอาหารแช่แข็งประเภทประมง ตอนนี้รู้หมดแล้ว ขนยังไง เก็บไว้ที่ไหน รอเปิดปฏิบัติการตรวจค้นครั้งต่อไป แฉคลิปเสียงเจ้าหน้าที่รัฐกับนักกิจกรรมอักษรย่อ ท. เจรจาเคลียร์คดีหมูเถื่อน เรียกรับเงิน 10 ล้านบาท พนักงานสอบสวนดีเอสไอทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทชิปปิ้ง 10 บริษัทที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้หรือไม่กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าสืบสวนคลี่คลายคดีหมูเถื่อน เบื้องต้นแจ้งข้อหาดำเนิน คดีบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐไปหลายราย โดยเฉพาะ บริษัทเว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด ของนายวิรัช ภูริฉัตร และนายธนกฤต ภูริฉัตร 2 พ่อลูก ขยายผล พบว่า ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนไปขายให้บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ อีกหลายบริษัท เบื้องต้นบริษัทสยามแม็คโครฯแจ้งว่า ไม่รู้ในข้อเท็จจริงว่าหมูดังกล่าวเป็นของเถื่อน แสดงความบริสุทธิ์รับปากจะนำส่งเอกสารการรับซื้อเนื้อหมู แช่แข็งและตับแช่แข็งมามอบให้ดีเอสไอความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เผยว่า เบื้องต้นกรมสอบสวนคดีพิเศษรับแจ้งจากบริษัทสยามแม็คโครฯว่า จะเข้า มายื่นเอกสารตามที่พนักงานสอบสวนให้ยื่น แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเอกสารมีเป็นจำนวนมาก ประสานพนักงานสอบสวนเพื่อขอเลื่อนการเข้ายื่นเอกสารในวันนี้ไปก่อน ส่วนวันเวลาที่จะเข้ามายื่นใหม่ ยังไม่ได้กำหนด ขอไปรวบรวมเอกสารตามกรอบเวลา ที่เรากำหนดให้ประมาณหนึ่งเดือน“อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเริ่มดำเนินการ เกี่ยวกับการรับคดีใหม่ เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อการนำเข้าด้านอาหารสัตว์ ชิ้นสุกร และเกษตรกร เราได้ตัวสายลับที่เป็นพยาน 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและพยานที่เป็นชิปปิ้ง ทราบว่าการ นำเข้าชิ้นส่วนสุกรหลักๆคือ สำแดงเท็จว่าเป็นชิ้นส่วน พอลิเมอร์และสินค้าประมง นอกจากนี้ ยังพบว่าการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนสุกรผิดกฎหมาย ไม่ใช่แค่ที่แหลมฉบังแห่งเดียว แต่ขนย้ายเข้าที่ด่านตรวจลาดกระบัง บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการนำตู้ออกจากท่าเรือแหลมฉบังมา สายลับระบุว่า มีจำนวนมากที่ ลักลอบนำออกมาและสำแดงว่าเป็น โฟรเซ่นฟู้ด หรือ อาหารแช่แข็งประเภทประมง จากข้อมูลของสายลับพบอีกว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง ในการลักลอบนำสินค้าประเภทดังกล่าวเข้ามา” พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะเปิดปฏิบัติการใหญ่อีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องสินค้าที่นำเข้ามา และไม่ได้นำไปฝากไว้ในห้องเย็นที่เคยไปตรวจค้น เราทราบ แหล่งที่มาแล้ว จะดำเนินการตรวจค้นในครั้งต่อไป ส่วนองค์กรอาชญากรรมดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาในลอตแรกหรือไม่ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีอยู่ 1 กลุ่มที่ส่งเงินผ่านมาทางกลุ่มใหม่ อีกทั้งบริษัทที่เป็นกลุ่มเก่า และกลุ่มใหม่สั่งจากต่างประเทศ นำเข้าสินค้าประเภทโฟรเซ่นฟู้ดเข้ามา ส่วนเป็นสินค้าอะไรบ้าง อยู่ระหว่าง ตรวจสอบ ชิ้ปปิ้งคนหนึ่งให้ข้อมูลสำคัญกับเรามากว่า ลักลอบนำไปที่ไหนบ้าง อยู่ระหว่างตรวจสอบ ที่ด่าน ตรวจลาดกระบังพบว่า มีการเคลื่อนย้ายตู้ทางรถไฟมาที่ด่าน เชื่อว่าเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน เพราะเป็นตู้แช่แข็งจำนวนมากเหมือนกันพ.ต.ต.ณฐพลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีคลิปเสียง หลุดออกมาว่า เจ้าหน้าที่รัฐกับนักกิจกรรมอักษรย่อ ท. เจรจาเคลียร์คดีหมูเถื่อน เรียกรับเงินจำนวน 10 ล้านบาท ขณะนี้พนักงานสอบสวนทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทชิปปิ้ง 10 บริษัท ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ หรือไม่ หากพบความเกี่ยวข้องจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีการตรวจสอบโดยละเอียดว่าเป็นเสียงใครบ้างที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปหลุดระหว่างเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ให้ไปเคลียร์หมูเถื่อน หากทำได้จะจ่าย 10 กิโลกรัม (หมายถึงเงิน 10 ล้านบาท) ว่า ตนเห็นแต่คลิป กำลังตรวจสอบว่าเป็นใคร น่าจะ สาวถึงตัวการได้ ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามต่อ ร.อ. ธรรมนัส พูดขึ้นมาว่า “เอาตามความเป็นจริงไหมล่ะ รู้แล้วว่าเสียงใคร ตัวย่อ ท. เป็นนักแฉ และนักช่วยเหลือ สังคม ประมาณนั้นกำลังตรวจสอบอยู่”วันเดียวกัน นายไทกร พลสุวรรณ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้มีการเบี่ยงประเด็นเรื่องหมูเถื่อน หลังมีคลิปเสียงเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรพูดคุยเจรจากับชายคนหนึ่ง ให้ปล่อยตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนแลกกับเงิน 10 ล้านบาท แต่ข้อเท็จจริงคือ ตนพูดคุยกับที่ปรึกษาคนหนึ่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 38 ตู้ ข้างในบรรจุเนื้อหมูที่สำแดงถูกต้องตามกฎหมายเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศลาว ทุกขั้นตอนมีเอกสารถูกต้องชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ไม่สามารถ เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 38 ตู้ได้ เนื่องจากกรมปศุสัตว์ไม่ยอมออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ให้ ทำให้บริษัทเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์บรรจุเนื้อหมูได้รับผลกระทบ และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกรมปศุสัตว์เป็นเงินถึง 243 ล้านบาท ขณะนี้คดีอยู่ในการพิจารณาของศาล ส่วนที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่ามีการนำเงิน 10 ล้านบาทมาเคลียร์เรื่องนำเข้าหมูเถื่อนนั้น ไม่เป็นความจริง ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ไม่ใช่หมูเถื่อน บริษัทเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์นำหลักฐานเข้าชี้แจงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นที่เรียบร้อยแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่