แรงงานไทยเหยื่อตัวประกันเดินทางถึงภูมิลำเนาอย่างปลอดภัยทุกคน ท่ามกลางความดีใจของพ่อแม่พี่น้องและครอบครัว ที่ได้มีโอกาสกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง ขณะที่เหยื่อตัวประกันยังสะเทือนใจในเหตุการณ์ เผยถูกปล่อยตัวออกมาและเดินทางกลับไทยเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ด้านทูตไทยในอิสราเอลไปเยี่ยมแรงงานไทยอีก 4 คนที่ถูกปล่อยออกมาอีกชุด อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ 30 คนตามข้อตกลง และปล่อยตัวนักโทษเด็กและสตรีชาวปาเลสไตน์ 240 คน ด้านกาตาร์ อียิปต์ และสหรัฐฯยังเป็นตัวกลางการเจรจาต่อเวลาหยุดยิงชั่วคราวอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง

ภายหลังจากแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันในสงครามอิสราเอล-ฮามาส ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระและเดินทางกลับไทยมาพบครอบครัว ทำให้ครอบครัวของแรงงานไทยพากันดีใจที่เหยื่อตัวประกันรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย

เมื่อเช้าวันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือโย อายุ 35 ปี แรงงานไทยในอิสราเอลที่ไปทำงานพร้อมสามีคือนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี อยู่เลขที่ 159 ม.14 ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น และถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ได้รับการปล่อยตัวออกมาพร้อมเพื่อนแรงงานไทย ทั้งคู่เดินทางกลับมาถึงบ้านเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 30 พ.ย. มีนางบุญญาริน ศรีจันทร์ อายุ 56 ปี แม่นางณัฐฐาวรีและญาติจัดเตรียมอาหารหมูทอด ส้มตำข้าวเหนียว ให้ลูกสาวลูกเขยทานเป็นมื้อแรกหลังกลับถึงบ้าน

นางณัฐฐาวรีและนายบุญถมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ดีใจมากที่ได้กลับบ้านสิ่งเดียวที่ช่วยให้ตนเองอดทนและไม่เครียดระหว่างถูกคุมขังเป็นตัวประกันคือการสวดมนต์ นั่งสมาธิ พร้อมให้กำลังใจกันและกัน คิดอย่างเดียวว่าต้องรอดจนที่สุดก็ผ่านมาได้ อยากให้กำลังใจตัวประกันอีกหลายคน เพราะบางคนเครียดหนักและคิดสั้นได้แต่ปลอบโยนกันไปว่าเดี๋ยวเราก็รอด ทุกคนได้กลับบ้านแน่นอน ตนและสามีไม่ถูกกลุ่มฮามาสทำร้าย ทันทีที่ออกจากจุดที่ถูกจับตัวและเป็นวันแรกที่ได้เจอสามีเพราะถูกปล่อยตัวมาคนละวัน ต่างโผกอดกันที่ได้เห็นหน้ากันอีกครั้ง วันเกิดเหตุเป็นวันหยุด ปกติจะตื่นสาย แต่วันนั้นประมาณ 06.00 น. ได้ยินเสียงเตือน จึงพากันไปหลบในอาคารเพราะคิดว่าจะปลอดภัย แต่ถูกจับไปด้วยกันและถูกแยกคุมขัง ส่วนเรื่องกลับไปทำงานต่างประเทศ คงพักกายพักใจสักพักแล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อ อาจทำงานที่บ้าน เช่น เลี้ยงไก่ หรือเปิดร้านขายของในหมู่บ้าน

...

ที่ จ.สุรินทร์ เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 54 บ้านอำปึล หมู่ที่ 3 ต.โชคเหนือ อ.ลำดวน ของนายคมกริช ชมบัว อายุ 29 ปี แรงงานไทยอีกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเดินทางกลับถึงภูมิลำเนาเมื่อเวลา 02.45 น. วันที่ 1 ธ.ค. หลังมาถึงบ้านเกิดนายคมกฤชตรงเข้ากอดพ่อแม่คือนายสุนันท์ ชมบัวและนางพรทิพย์ ชมบัว ด้วยความดีใจ ขณะที่พ่อแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ดีใจที่ถูกรอดชีวิตกลับมา ต่อมาช่วงสายคนในครอบครัวและญาติพี่น้องต่างนำด้ายมาผูกแขนรับขวัญ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ โดยญาติเผยกับผู้สื่อข่าวว่านายคมกฤชเล่าให้ฟังตอนที่ไปรับจากสนามบินว่า ตอนถูกจับเป็นตัวประกัน ถูกพาไปอยู่ในอุโมงค์มืดๆกับเพื่อนๆ 7 คนเท่านั้น

นายคมกริชเผยว่า ดีใจและมีความสุขมากที่ได้กลับมาถึงบ้านเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์เพราะยังสะเทือนใจ ตอนถูกจับเป็นตัวประกันข้าวได้กินบ้างไม่ได้กินบ้างตามสภาวะสงคราม เวลาปวดหัวขอยาจากกลุ่มฮามาสทานเขาก็ให้ ตอนนั้นในใจคิดถึงแต่พ่อแม่และไม่ทราบข่าวสารเหตุการณ์อะไร ถูกฮามาสบุกมาจับตัวขณะนอนอยู่ทำให้ไม่ทันตั้งตัว เมื่อถูกปล่อยตัวกลุ่มฮามาสเป็นผู้มาส่ง อิสราเอลจัดรถไปรับตัว จนมาถึงโรงพยาบาลที่อิสราเอล ตอนลงจากรถทุกคนปรบมือต้อนรับทั้งหมอ ทั้งทหารอิสราเอล ทั้งคนไทยพี่ๆแรงงานไทย เมื่อเครื่องบินเข้าเขตไทยพอเปิดหน้าต่างเห็นน่านฟ้าไทย ปลื้มและดีใจมาก การกลับมาครั้งนี้เหมือนได้ใช้ชีวิตใหม่

ขณะที่นายสุนันท์กล่าวว่า ตื้นตันใจที่ได้เห็นหน้าลูกชายกลับมาถึงบ้านและจะไม่ให้กลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก จะให้หางานทำในไทย หลังจากนี้จะให้ลูกชายบวช ที่ผ่านมาความรู้สึกแย่จริงๆเพราะเป็นห่วงลูก ขอบคุณหน่วยงานของรัฐบาลไทยทุกหน่วยงานที่ช่วยเจรจาให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวลูกชายในครั้งนี้

ตัวประกันอีกรายที่ถูกปล่อยตัวออกมาและกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. คือนายอุทัย ทุ่นศรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.14 ต.เจริญเมือง อ.พาน จ.เชียงราย เดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยเมื่อเช้าวันที่ 1 ธ.ค. เจ้าตัวเล่าว่า ไปทำงานด้านการ เกษตรที่อิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.62 รวมเวลาเกือบ 4 ปี ที่ทำงานอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีการสู้รบ ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมเป็นตัวประกัน ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ ไม่ได้ถูกทรมานอะไร ยังคงได้พูดคุย ทานข้าวกับเพื่อนตัวประกันปกติ ด้านนายมูล ทุ่นศรี อายุ 76 ปี พ่อนายอุทัยเผยว่า ตอนมีการสู้รบไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ ยังคิดว่าลูกชายอาจจะเสียชีวิตไปในการสู้รบ แต่ตรวจแล้วไม่มีชื่อลูกชายก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมา พอได้รับการติดต่อจากทางกงสุลว่าลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันและจะถูกปล่อยตัวกลับบ้านในวันที่ 29 พ.ย. รู้สึกดีใจมากที่ลูกชายปลอดภัย

อีกด้าน เมื่อวันที่ 30 พ.ย. (ตามเวลาประเทศอิสราเอล) น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ นายจุลวัจน์ นรินทรางกูร ณ อยุธยา อัครราชทูต เดินทางไปเยี่ยมตัวประกันชาวไทย 4 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 29 พ.ย ที่ Shamir Medical Center (Assaf Harofeh) เอกอัครราชทูตฯได้กล่าวปลอบขวัญให้กำลังใจ ติดตามการดูแลรักษาพยาบาล รวมทั้งติดตามสิทธิประโยชน์และการเยียวยาแก่คนไทยทั้ง 4 คนด้วย

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนตัวประกันหลังประกาศต่อเวลาหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่มีกาตาร์ อียิปต์และสหรัฐฯ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 30 พ.ย. เป็นวันที่ 7 ของการหยุดยิงชั่วคราว กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันเด็กและสตรีชาวอิสราเอล 8 คน มีเจ้าหน้าที่องค์การกาชาดสากลในฉนวนกาซาพาตัวประกันไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลในอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอล 30 คน ตามข้อตกลง ก่อนหน้านี้กลุ่มฮามาสเผยว่า จะนำส่งร่างไร้วิญญาณของตัวประกัน 3 ร่างคืนแก่อิสราเอล แต่ยังไม่มีรายงานว่ากลุ่มฮามาสดำเนินการหรือไม่

...

ด้าน นสพ.วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ทางการอียิปต์ว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสยอมรับข้อตกลงร่วมกันในการขยายเวลาพักรบชั่วคราวต่อเป็นวันที่ 8 ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานบ่งชี้แนวโน้มที่ดีของกลุ่มฮามาสที่ยินดีขยายเวลาหยุดยิงเช่นกัน แต่ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกาตาร์ อียิปต์และสหรัฐฯ ในการยืนยันผลการเจรจาประเด็นดังกล่าว

ส่วนสำนักข่าวไทม์ส ออฟ อิสราเอล รายงานว่า กองทัพอิสราเอลยิงสกัดจรวดในเมืองสเดร็อด และเมืองโฮลิด ทางใต้ของอิสราเอลที่ถูกยิงมาจากฉนวนกาซา ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมมีเสียง สัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังทั่วเมือง แต่ไม่มีรายงานว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นของกลุ่มฮามาสหรือไม่ การโจมตีอาณาบริเวณของอิสราเอลที่มาจากฉนวนกาซาที่เกิดขึ้นราว 1 ชั่วโมง ก่อนการสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในเวลา 07.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกันนี้ กลุ่มฮามาส ไม่ได้นำส่งรายชื่อตัวประกันที่จะได้รับอิสระให้แก่อิสราเอลเช่นกัน บ่งชี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ทำให้กองทัพกลับมาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดข้อตกลงพักรบชั่วคราวที่ดำเนินมาแล้ว 7 วัน ในระหว่างการหยุดยิงชั่วคราวที่ผ่านมา กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลและผู้ถือ 2 สัญชาติ 83 คน ตัวประกันต่างชาติ 24 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวไทย 23 คน ชาวฟิลิปปินส์ 1 คน ขณะที่อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษเด็ก-สตรีชาวปาเลสไตน์ 240 คน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่