แม้จะตั้งชื่อหัวข้อ “ยุคสันติสุข” เริ่มแต่หน้า 56 ใน “เจินกวนเจิ้งเย่า” ยอดกุศโลบายจีน (อู๋จิง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล เต๋าประยุกต์ พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2552) แต่เนื้อหาบรรยายถึงสามปรากฏการณ์ปรากฏการณ์แรก คือการเมืองเดิมทีนั้นกลุ่มสีอิ่น สมัครพรรคพวกของหลี่เจี้ยนเฉิง โอรสองค์ใหญ่ของถางเกาจู่ฮ่องเต้ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท และกลุ่มไห่หลิง กลุ่มของหลี่หยวนจี๋ โอรสองค์ที่สี่ของถางเกาจู่ฮ่องเต้ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาฉี สมคบกันวางแผนสังหารหลี่ซื่อหมินแต่หลี่ซื่อหมิน การข่าวดีไหวตัวทัน จึงก่อกรณี “เสวียนอู่เหมิน” ปลงพระชนม์พี่น้องทั้งสองเมื่อหลี่ซื่อหมินครองราชย์ เป็นถางไท่จงฮ่องเต้ ท่ามกลางบรรยากาศของความประหวั่นพรั่นพรึง ของกลุ่มศัตรูทางการเมือง แต่ถางไท่จงกลับทรงทำสิ่งเหนือความคาดหมายไม่เพียงทรงประกาศให้อภัยโทษ ยังพระราชทานยศศักดิ์และเกียรตินามย้อนหลัง ขุนนางและขุนศึกนับพัน ที่เข้าร่วมแผนปองร้าย ก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นข้าราชบริพารข้างพระกาย ไม่มีวี่แววกีดกัน และความหวาดระแวงความหวาดหวั่นพรั่นพรึง เปลี่ยนเป็นเสียงยกย่องชื่นชม ทรงมีพระหทัยกว้างขวาง เหมาะที่จะทำการใหญ่มีเสียงพยากรณ์ ถางไท่จง องค์นี้ มีท่วงทีของจอมราชันในมุมตรงข้าม ถางไท่จง ทรงชิงชังขุนนางทุจริตคิดไม่ซื่อ ผู้ใดรับสินบน ทำผิดวินัย ละเมิดกฎหมาย จะทรงไม่ให้อภัย ทรงสั่งสอบสวนลงโทษอย่างเข้มงวดหนักเบาตามความผิดจึงเป็นเหตุให้ขุนนางส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในความสุจริต รักษากฎหมาย และรับใช้บ้านเมืองเต็มที่ทรงควบคุมพระบรมวงศานุวงศ์ ราชนิกุล อย่างเข้มงวด ทำให้พวกเขากลัวพระเดช ลดความหยิ่งผยอง ไม่กล้าข่มเหงรังแกราษฎรปรากฏการณ์ที่สอง เรื่องของฟ้าดิน ขณะทรงครองราชย์ใหม่ๆ เกิดทั้งภัยลูกเห็บและภัยแล้ง ข้าวของขึ้นราคา ซ้ำเติมด้วยชนเผ่าถูเจวี๋ยบุกรังควานชายแดนตั้งแต่ราชธานีฉางอานไปถึงเหอตง เหอหนาน ทางใต้ของชานตุง เจียงซู และทางเหนือของอานฮุย และหล่งสือ ประสบทุพภิกขภัยอย่างหนัก ผ้าไหมหนึ่งพับแลกข้าวได้หนึ่งโต่วราษฎรแม้ต้องระหกระเหินหนีทุพภิกขภัยไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่เมื่อถางไท่จงทรงส่งเสริมให้ประหยัดมัธยัสถ์ จึงไม่มีเสียงบ่นโทษราชสำนัก ทั้งยังยินดีที่จะเคารพกฎหมายบ้านเมือง ทำมาหากินสุจริต ยังชีพตามอัตภาพเจินกวนศก 3 (พ.ศ.629) เกิดปรากฏการณ์ที่สาม แถบกวนจง แถบมณฑลส่านซี เก็บเกี่ยวข้าวได้อุดมสมบูรณ์ ราษฎรหอบลูกจูงหลานอพยพกลับบ้านเดิม ไม่มีใครพลัดพรากสูญหายพ่อค้าวาณิชนักท่องเที่ยว เดินทางพักแรมตามบ้านป่าเมืองดอย ไ่ม่ต้องหวาดกลัวโจรผู้ร้าย เรือนจำมักว่างเปล่าไร้นักโทษ โคและม้ามีให้พบเห็นทั่วไปตามทุ่งนาป่าเขา บ้านเรือนไม่ต้องปิดประตูใส่กุญแจประกอบกับราษฎรเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์ติดต่อกันหลายปี ข้าวหนึ่งโต่วราคาแค่สามสี่เฉียน นักท่องเที่ยวเดินทางไกลเหนือถึงใต้ โดยไม่ต้องพกพาเสบียงกรัง เพราะหาซื้อได้ตลอดทางหากเดินทางผ่านหมู่บ้านในแถบชานตุง นอกจากจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ก่อนจากยังได้รับของฝากจากคนในหมู่บ้าน นี่คือ ปรากฏการณ์ ในยุคที่ถูกเรียก “สันติสุข”ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์จีนและถูกบันทึกต่อมา ว่าเป็นยุคทองต่อเนื่องมาอีกกว่าสามร้อยปี.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม