คนไทยเราก็ดูจะรู้จักสัตว์เลื้อยคลาน ชนิดที่เรียกว่า“เหี้ย” กันดี...แต่ถ้าถามต่อว่า รู้จักเหี้ยแค่ไหน เหี้ยแตกต่างจากตะกวดอย่างไร...หาคนตอบแน่ๆไม่ได้สักคน

ด้วยเหตุนี้ เมื่อผมเปิดหนังสือ ศัพท์สรรพรรณนา (สถาพรบุ๊คส์ พ.ศ.2565) ถึงหน้า 47 “เรื่องเหี้ยๆ” จึงตั้งใจอ่าน

อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ เริ่มต้นว่า เหี้ยเป็นสัตว์เลื้อยคลานตระกูลเดียวกับตะกวด แต่ตัวใหญ่กว่า

วงศาคณาเหี้ยของไทยมี 4 ชนิด ได้แก่ เหี้ย (ตัวเงินตัวทอง) ตะกวด (จะกวด แลน) เห่า ช้าง และตุ๊ดตู่

อ่านแค่นี้จึงได้ความรู้ ตะกวด จะกวด แลน ที่ว่ามีลิ้นสองแฉก เป็นชนิดเดียวกัน แต่ตัวเล็กกว่าเหี้ย ส่วนเห่าช้างก็เพิ่งรู้ว่าเป็นพวกเดียวกับเหี้ยเหมือนกัน

ตุ๊ดตู่นั้น ตอนเป็นเด็กท่องอาขยาน ตุ๊ดเอ๋ย ตุ๊ดตู่ ในเรี่ยวในรูปก็อยู่ได้ ก็รู้ตอนนี้ เหี้ยชนิดสุดท้อง

เหี้ยเนื้อเหม็นสาป แต่ตะกวดเนื้อไม่เหม็นสาป เนื้อตรงโคนหางที่เรียกว่า “บ้องตัน” อาจารย์ปรัชญาบอกว่า วิเศษกว่าส่วนใดทั้งหมด

ในสี่พี่น้องผองชาวเหี้ย เรารู้จักเรื่องราวของเหี้ยมากกว่า เริ่มแต่รู้ว่าเหี้ยกินเนื้อสัตว์และซากสัตว์ที่คนเห็นว่าโสโครกเป็นอาหาร เหี้ยจึงตกที่นั่ง เป็นนิมิตของสิ่งน่ารังเกียจมาแต่โบราณ

สุภาษิตสอนหญิง บทหนึ่งบอกไม่อ้อมค้อม มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสีย เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ทรงพระนิพนธ์ไว้ในโคลงจินดามณี

ฉิบหายกลายกลับซ้ำ อัปรมาณ หายดั่งเหี้ยร้านทะยาน เย่าเข้า วายวอดตลอดลูกหลาน เหลนสืบ โซมแฮ ชนม์ก็ดับสุญเศร้า คิดหน้าอนิจจัง

ไม่แค่เหี้ยจะถูกมองว่าเป็นอุบาทว์อย่างหนึ่ง โคลงบทนี้แยกสี่คำแรกเป็นกระทู้ว่า “ฉิบหายวายชนม์”

...

ตำราพรหมชาติ กล่าวถึงอุบาทว์เหี้ย และวิธีแก้ว่า...ถ้าเหี้ยและจังกวดขึ้นเรือนก็ดี ให้บูชาด้วยเหล้า ข้าว และธูปเทียน จะได้ลาภอันพึงใจแล

อาจารย์สถิตย์ เสมานิล เขียนไว้ใน “วิสาสะเล่ม 1” ว่า

เหี้ยขึ้นเรือนมีคติขับอัปมงคลแนวเดียวกับแร้งจับหลังคา คือทันทีที่เห็น ให้เรียกดังๆว่า “มังกรให้ลาภ หรือ พญานาคให้ลาภ” แล้วจึงจุดธูปบอกกล่าว

ในนนทุกปกรณัม มีนิทานเรื่อง “เศวตรโคธา” คนไทยเอามาเล่ากันแพร่หลาย

นิทานกล่าวถึงฝูงตุ๊ดตู่ ที่อาศัยในโพรงไม้ในป่าใหญ่ มีความสุขมาช้านาน

ต่อมา ก็มีเหี้ยตัวหนึ่ง ไร้ที่พักพิงเร่ร่อนมา อ้อนวอนขออาศัยอยู่ในโพรงไม้ด้วย พวกตุ๊ดตู่เห็นว่า เหี้ยเป็นรุ่นพี่ไม่ใช่อื่นไกลก็รับไว้

วันหนึ่งพรานป่าเดินผ่านมา เหี้ยสำคัญตัวว่า เป็นจระเข้ก็เร่เข้าหาพราน ตั้งท่าฟาดหางทำร้าย พรานโกรธจัดใช้ท่อนไม้ตีเหี้ยจนกระปลกกระเปลี้ยหนีเข้าโพรง

พรานอาฆาตตามไปปิดปล่องโพรงบนแล้ว สุมไฟใส่ปล่องโพรงล่าง ผลไม่เพียงเหี้ยจะตาย เจ้าตุ๊ดตู่ก็พลอยตายไปด้วยแบบยกโพรง

เพราะเรื่องเล่าเรื่องนี้ เมื่อเหี้ยขึ้นเรือน ชาวบ้านก็ถือว่าเป็นเสนียดจัญไร ปากพูดดีๆไปยังงั้น แต่ใจรังเกียจเดียดฉันท์เต็มที่ จนเป็นคำด่าปกติ สนุกเหี้ยๆ ทำเหี้ยอะไรอยู่ มึงเอาเหี้ยอะไรมาคิด ฯลฯ

ผมอ่านนิทานจบ พยายามหาคำสอนดีๆ แต่หาไม่ได้ เพราะไพล่คิดไปถึง ตุ๊ดตู่ ที่อยู่ดีๆในโพรงไม้...แต่เพราะความใจดี คิดว่าเหี้ยเป็นพี่เป็นเชื้อ...จึงพลอยพาพวกพ้องตุ๊ดตู่ตายหมู่ไปด้วย

ขึ้นชื่อว่าเหี้ยเสียแล้ว ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร มันก็เป็นเรื่องเหี้ยไปเสียทั้งนั้น น่าสงสารเสียจริงๆ.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม