ได้ยินคุณพิธา ปราศรัยเข้าหู ตอนไประยอง...ผมพยายามฟื้นความจำ...อาขยานบทหนึ่ง ที่ครูสั่งให้ท่องคล่องปาก ก่อนเลิกชั้นเรียนทุกวัน ตอนเรียน ป.4 (รุ่น พ.ศ.2500)บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นจนบนบรรพตแล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวว่าเลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคนมนุษย์มีที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แก่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา แม้ใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนารู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีจงตามไปเอาไม้เท้าเถิด จะประเสริฐสมรักเป็นศักดิ์ศรี พอเสร็จคำสำแดงแจ้งคดี รูปโยคีก็หายวับไปกับตาเด็กๆที่ท่องดูจะรู้ๆเรื่องพระอภัยมณี ตอนนี้มาบ้าง...สุดสาคร ลูกพระอภัย ได้ม้ามังกรขี่โลดทะเลตามหาพระบิดาพระอภัยมณี แต่ไปเสียท่าชีเปลือย หลอกล่อมาผลักจากปากเหวลงไปก้นเหว แล้วชิงทั้งม้าทั้งไม้เท้าวิเศษไปสุนทรภู่ท่านจินตนาการ เลิศล้ำครับ แต่งให้พระเจ้าตา (ฤาษี) มีญาณรู้ ขี่รุ้งมาช่วย ตอนที่สอนว่า อย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด...พระเจ้าตาก็หมายถึง ชีเปลือย เฒ่าเจ้าเล่ห์แต่คำสอน ที่เป็นอมตะ...เด็กรุ่นผม หรือไม่ว่ารุ่นไหน จำกันได้ และใช้กันทั้งชีวิตก็คือ รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดีจบจากอาขยาน...บทนี้ ผมพยายามนึกต่อ โรงเรียนชั้นประถมรุ่นผมเรียน...ครูสอนเรื่องวิชา...อะไรๆไว้อีกค่อยๆคิด ก็พอนึกได้ อาขยาน ที่ขึ้นต้น ปากเป็นเอก... ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา แต่งไว้ให้นักเรียนชั้น ป.3 ท่อง (โรงพิมพ์คุรุสภา พ.ศ.2492)ปากเป็นเอกเหมือนเสกมนต์ให้คนเชื่อ ฉลาดเหลือวาจาปรีชาฉาน จะกล่าวถ้อยร้อยคำไม่รำคาญ เป็นรากฐานเทิดตนพ้นลำเค็ญเลขเป็นโทโบราณท่านสั่งสอน เร่งสังวรเวี่ยไว้ใช่ว่าเล่น การคำนวณควรชำนาญคูณหารเป็น ช่วยให้เด่นดีนักหารู้ค่าคนหนังสือเป็นตรีวิชาปัญญาเลิศ เรียนไปเถิดรู้ไว้ไม่ไร้ผล ยามยากแสนแค้นคับไม่อับจน ได้เลี้ยงตนด้วยวิชาหาทรัพย์ทวีชั่วดีเป็นตราประทับไว้กับโลก ยามวิโยคชีพยับลับร่างหนี ที่ศูนย์แท้ก็แต่ตัวส่วนชั่วดี คงเป็นที่ลือทั่วชั่วฟ้าดินตอนเป็นเด็ก ก็ท่องๆและท่องเรื่อยไป ไม่รู้ความลึกตื้นหนักเบาของเนื้อหาเท่าไหร่ ตอนโตจึงพอไล่เรียงจัดลำดับได้ ในสารพันวิชาที่ต้องเรียนรู้นั้นวิชาปากเป็นวิชาเอก วิชาเลขเป็นวิชาโท วิชาหนังสือเป็นวิชาตรีวิชาที่สามนี้ ผมเองได้ใช้ได้เลี้ยงตน หาทรัพย์...มาจนถึงยามแก่ชรา บัดนี้ เป็นจริงตามที่ครูสอนไว้จริงๆแต่สามวิชาที่ว่า...ยังไม่ค่าน้อยกว่า วิชา...เอ๊ย! ไม่ใช่...การกระทำ หรือประพฤติของแต่ละคนนะครับ ครูสอนว่า ชั่วดีเป็นตราประทับไว้กับโลก...แม้ตายก็เป็นที่ลือทั่วชั่วฟ้าดินการเมืองที่สับสนวุ่นวาย...แยกเป็นฝักฝ่าย ตอนนี้...ผมเริ่มเห็น พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ หลายคน ทำท่าจะประทับตรา...ตายเสียก่อนตาย ส่งกลิ่นตลบฝากฟ้าดินไว้แล้วหลายคนคนพวกนี้...ล้วนแต่เป็นคนเก่งมาก ปากเป็นเอก ทุกคน น่าเสียดายที่ใช้ปากผิดทำนองคลองธรรม.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม