เป็นคดีสะเทือนขวัญกับเหตุเหยื่อชาวจีนถูกอุ้มตัวเพื่อไปเรียกค่าไถ่ที่เกิดขึ้นติดต่อกันไม่นาน วันที่ 16 เม.ย. สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุ นายหวง ติ่ง ซ่วน อายุ 30 ปี ชาวจีน ถูกแก๊งคนจีนอุ้มตัวไปกักขังอยู่ที่โรงแรมชาเทรียม เรสซิเดนซ์ สาทร เพื่อเรียกค่าไถ่ตัวเป็นเงิน 1.8 ล้านบาทพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เข้าช่วยเหลือเหยื่อได้ปลอดภัย ขยายผลผู้ต้องหาร่วมทีมอุ้มมีทั้งคนไทยคนจีน 14 คนปมเหตุทวงหนี้ผู้เสียหายชาวจีนประกอบอาชีพไกด์และสอนภาษาจีนอยู่ในไทย 10 ปี หลอกชาวจีนที่มีปัญหาคดีหาทนายช่วยเหลือได้ เมื่อรับเงินแล้วช่วยเหลือไม่ได้ จึงทำสัญญาเงินกู้ไว้ 2 ล้านบาท มีการทวงถามและนัดเจรจา แต่กลับถูก นายเว้ย เหยิน เถา กับพวก พาตัวมากักขังบังคับให้ใช้หนี้ทั้งหมดอีกคดี นายหวัง หนาน เฟิง อายุ 33 ปี ชาวจีน ถูกแก๊งอุ้มตัวเรียกค่าไถ่ 4 ล้านบาท จากอาคารสินธร ซอยต้นสน นำตัวไปกักขังเรียกค่าไถ่ 4 ล้านบาท ที่รีสอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหตุเกิดวันที่ 15 เม.ย.พล.ต.ต.นพศิลป์ และ พล.ต.ต.ธีรเดช ร่วมกับ สภ.หัวหิน ขยายผลจับกุมแก๊งอุ้มชาวไทย นายณัฐภัทร หรือกบ สวัสดี อายุ 27 ปี นายณัฐพงศ์ หรือจูน ฆ้องคำอยู่ อายุ 24 ปี น.ส.สริตา ดอนม่วง อายุ 28 ปี นายธนายุทธ หรือโจ พลนาคู อายุ 30 ปี นายศุภพล ฮาลมัน หรือบอส หรือกาย อายุ 24 ปี หัวหน้าแก๊งน.ส.เพชรลดา หรือ “น้ำเพชร” แสงสกุล อายุ 24 ปี อดีตผู้สมัครมิสแกรนด์ ต้องสงสัย “นกต่อ”เบื้องหลังอุ้มรีดค่าไถ่นายศุภพล หรือกาย หัวหน้าแก๊ง ถูกระบุว่าเป็นแฟนใหม่ น.ส.เพชรลดา และเหยื่อชาวจีนอดีตแฟนเก่า แนวทางสืบสวนพบว่าแก๊งอุ้มใช้รถยนต์และคีย์การ์ดของ น.ส.น้ำเพชร แฟนของเหยื่อชาวจีน บุกทำร้ายเหยื่อชาวจีนในห้องพักจนสลบ ก่อนนำใส่กล่องพลาสติก เพื่อนำตัวไปกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ผู้ต้องหาอ้างว่าเหยื่อมีประวัติคดี “ฉ้อโกง” มีหมายจับในจีนและเป็น “กลุ่มจีนสีเทา” มีเจตนาอยากช่วยประเทศ แต่บอกไม่ได้ว่าใครเป็นผู้สั่งการ อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มทุนจีนสีเทาทั้งสองคดีสำคัญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งและช่วยเหลือกลุ่มผู้เสียหายได้อย่างปลอดภัยทั้งสองคดี ให้ชุดสืบสวนเร่งจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุโดยเร็ว และสั่งให้ขยายผลผู้เกี่ยวข้องคดีชาวจีนถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ทั้ง 2 คดี และกำชับให้ตรวจสอบประวัติของเหยื่อที่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยึดอายัดนำกลับมาส่งคืนให้กับผู้เสียหายอุดช่องโหว่แก๊งต่างชาติก่อคดีในเมืองไทย.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th