หงส์เหิน...ดอกมีลักษณะคล้ายหงส์ มักจะออกดอกในเดือนกรกฎาคม ซึ่งตรงกับเทศกาลเข้าพรรษาจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” มีการนำไปบูชาพระ จัดแจกัน และกระเช้าดอกไม้สด เนื่องจากมีอายุการใช้งานมากกว่า 7 วัน เป็นไม้ดอกที่ต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจและมีความต้องการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีรูปทรงดอกที่แปลกตา ปัจจุบันมีการส่งออกหัวพันธุ์หงส์เหินไปยังประเทศญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ กรมวิชาการเกษตร ได้สำรวจและรวบรวมหงส์เหินจำนวน 20 สายพันธุ์ มาทำการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ตัดดอก...โดยใช้เกณฑ์ สีของช่อดอกสดใส ความยาวช่อดอกไม่น้อยกว่า 10 ซม. ความยาวก้านช่อดอกไม่น้อยกว่า 30 ซม. การเรียงตัวของกลีบประดับถี่ และซ้อนอย่างเป็นระเบียบ สามารถคัดเลือกลักษณะตามเกณฑ์ได้ 5 สายพันธุ์ และตั้งชื่อตามลักษณะของดอก คือ ขาวตาก รวงข้าว ชมพูอ่อน ชมพูเข้มช่อยาวใบตั้ง และชมพูเข้มช่อยาวสระบุรี

หลังจากได้พันธุ์ที่มีความเหมาะสมในพื้นที่จังหวัดแพร่ 2 พันธุ์ คือพันธุ์รวงข้าว และพันธุ์ขาวตาก นำไปทดสอบในแปลงเกษตรกร อ.เด่นชัย จ.แพร่ พบว่า การปลูกหงส์เหินทั้ง 2 พันธุ์ มีต้นทุนการผลิต 62,870 บาทต่อไร่ (ประกอบด้วย ค่าไถเตรียมพื้นที่ ค่าแรงงานเตรียมแปลง ปลูก กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ย และเก็บเกี่ยว ค่าหัวพันธุ์ ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ปุ๋ยเคมี 13-13-21 ปุ๋ยอินทรีย์ แกลบดิบ ซาแรน ลวดดำ และเสาไม้ไผ่)

...

หงส์เหินพันธุ์รวงข้าวสร้างรายได้ไร่ละ 186,912 บาท ได้กำไรไร่ละ 124,042 บาท จากการจำหน่ายราคาดอกละ 2 บาท... หงส์เหินพันธุ์ขาวตากสร้างรายได้ไร่ละ 101,664 บาท ได้กำไรไร่ละ 38,794 บาท

แต่ด้วยหงส์เหินเป็นพืชที่ให้ผลผลิตปีละครั้ง คือปลูกช่วงเมษายน-พฤษภาคม และออกดอกช่วง มิถุนายน-สิงหาคม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ ได้เพิ่มศักยภาพการผลิต ศึกษาวิจัยให้หงส์เหินออกดอกนอกฤดู

ด้วยวิธีการเก็บรักษาหัวพันธุ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่ 15-20 องศาเซลเซียส บรรจุหัวพันธุ์ในขุยมะพร้าว เพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นของหัวพันธุ์ ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน 6 เดือน จากนั้นนำหัวพันธุ์บ่มในกระบะที่มีขุยมะพร้าว รดน้ำให้มีความชื้น 70 เปอร์เซ็นต์ คลุมด้วยพลาสติกเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ได้ 33 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-45 วัน เพื่อทำลายระยะพักตัวของหัวพันธุ์หงส์เหินและกระตุ้นการงอกของหัวพันธุ์ แล้วย้ายไปปลูกในช่วงกันยายน-ตุลาคม เพื่อให้ออกดอกในช่วงพฤศจิกายน-มกราคม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหงส์เหินเป็นพืชวันยาว การบังคับให้ออกดอกนอกฤดูจำเป็นต้องให้แสงไฟเพิ่ม 4 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่ 20.00–24.00 น. ภายใต้โรงเรือนควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยใช้หลอดอินแคนเดสเซนต์ ความสว่าง 60 ลักซ์ให้แสงไฟต่อเนื่องหลังจากหงส์เหินงอกใบจริงเป็นระยะเวลา 60 วัน จนกระทั่งออกดอก จะทำให้หงส์เหินมีจำนวนดอก ความยาวก้านดอก จำนวนใบ และจำนวนหัวพันธุ์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถปลูกเป็นไม้ตัดดอกนอกฤดูได้

และการปลูกหงส์เหินนอกฤดูกาล พันธุ์การค้า (พันธุ์ขาวตาก) ในโรงเรือนต้นแบบขนาด 12×24 ม. สามารถปลูกได้ 4,608 ถุง (16 ถุง/ตร.ม.) โดยมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 33,394 บาท สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร 82,944 บาท ณ ราคาจำหน่ายดอกละ 6 บาท จะมีกำไร 49,550 บาท

เกษตรกรและกลุ่มผู้ผลิตหงส์เหินสนใจจะผลิตหงส์เหินนอกฤดู สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นางสาววิภาดา แสงสร้อย และ นายรณรงค์ คนชม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ โทร. 0-5452-0550 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ พร้อมถ่ายทอดให้องค์ความรู้.

...

ชาติชาย ศิริพัฒน์